"บิ๊กเต่า" เข้าพบ นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วย รมต. หลังพบเคยตกเป็นเหยื่อแก๊งข่มขู่รีดทรัพย์ แลกยุติเรื่องร้องเรียน
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ ได้เรียกประชุมคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วยตำรวจจาก บก.ปปป. ตำรวจกองบังคับการปราบปราม และตำรวจจาก บก.ปอท. มาประชุมคณะทำงานชุดใหญ่ เพื่อเป็นการเริ่มการทำงานในรูปแบบองค์คณะ โดยเนื้อหาจะเน้นหนักไปที่ความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนที่ บก.ปปป. ได้เริ่มดำเนินการไว้ ข้อมูลการสอบปากคำ ข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ที่สามารถเก็บรวบรวมได้จากส่วนต่างๆ และรายละเอียดอื่นๆ ในคดี รวมถึงการขยายผลไปยังกลุ่มผู้ต้องหาและผู้ร่วมขบวนการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้คณะทำงานทั้งหมดทราบความคืบหน้าไปในทิศทางเดียวกัน และสามารถทำงานสืบสวนสอบสวนกันได้อย่างต่อเนื่อง
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากนั้นจะแบ่งหน้าที่การทำงานของแต่ละส่วนว่าจะมอบหมายการทำงานในส่วนใดให้บ้าง ซึ่งในเบื้องต้นแม่งานยังคงเป็น บก.ปปป. ที่เริ่มเปิดคดีมาก่อนหน้านี้ ส่วนกองบังคับการปราบปราม จะดูหน้างานที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวน ทำสำนวนคดีช่วยเหลือสนับสนุนงานของ บก.ปปป. ให้ดำเนินการได้ทันตามกำหนดส่งสำนวนให้อัยการภายในอีก 2 เดือนข้างหน้า ส่วนทาง บก.ปอท. จะรับผิดชอบในส่วนของเรื่องการตรวจพิสูจน์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของกลุ่มผู้ต้องหาพยานส่วนที่เกี่ยวข้อง และดึงข้อมูลต่างๆ ออกมาให้ชุดสืบสวนสอบสวนใช้ดำเนินการต่อ
นอกจากนี้ยังมีการหารือเรื่องการเปิดคดีใหม่ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 3-4 คน ซึ่งไปก่อเหตุในลักษณะเดียวกันกับกระทรวงต่างๆ ซึ่งขณะนี้มีผู้เสียหายมีความประสงค์จะเข้าแจ้งความแล้วหลายคน โดยจะพิจารณาว่าคดีสามารถดำเนินการได้ หรือมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดกลุ่มผู้ต้องหา และจะแยกเป็นคดีใหม่ต่างกรรมต่างวาระไป เชื่อว่าวันนี้อาจใช้เวลาในการประชุมค่อนข้างนานมากกว่า 1-2 ชั่วโมง
...
ต่อมาเวลาประมาณ 11.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ได้เดินทางไปที่อาคารศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเข้าพูดคุยกับนายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายใต้บังคับบัญชาของรองนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ถึงกรณีที่ก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยข้อมูลในโลกโซเชียลว่า เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2565 ในช่วงที่นายธนกฤตดำรงตำแหน่งเลขานุการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ถูกกลุ่มบุคคลเข้าไปพูดคุยและร้องเรียนเพื่อหวังจะตบทรัพย์
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวว่า วันนี้ได้รับการประสานมาจาก นายกองตรี ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี (สมศักดิ์ เทพสุทิน) ว่า อยากจะช่วยเหลือในการทำงานคดีรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าวของตำรวจ บก.ปปป. ในประเด็นการขยายผลวงนักร้อง ซึ่งจากการพูดคุยเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างมาก และตรงต่อข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอยู่ ซึ่งหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมหลักฐานและประสานงานกับทาง ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการต่อ
ส่วนหน่วยงานราชการที่ถูกรังแก หรือประสบพบเจอปัญหาอย่างกรณีการเรียกทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว และไม่ได้รับความเป็นธรรม สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้เพื่อที่จะกำจัดเหลือบไร คือต้องร่วมมือกับตำรวจ โดยนายกองตรี ดร.ธนกฤต มองเห็นในความไม่ยุติธรรมในเรื่องดังกล่าว จึงขอให้ข้อมูลการขยายผลในคดี ซึ่งหลังจากนี้อาจจะต้องเชิญนายกองตรี ดร.ธนกฤต ไปสอบปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยานอย่างเป็นทางการในภายหลัง
ด้าน นายกองตรี ดร.ธนกฤต กล่าวว่า การร้องเรียนเรื่องต่างๆ ที่หน้าศูนย์ร้องเรียนทำเนียบรัฐบาล หลังจากนี้ต้องฝากไปถึงวงการนักร้อง ต้องพิจารณาให้รอบคอบและมีข้อมูลที่เพียงพอต่อการเข้ามาร้องเรียนที่แห่งนี้ ซึ่งตนได้ประสบด้วยตนเอง มีข้อมูลและไทม์ไลน์ที่ชัดเจน วันนี้จึงได้นำข้อมูลดังกล่าวมอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ที่เหลือคงเป็นการให้ข้อมูลช่วยเหลือในด้านคดีกับตำรวจ ซึ่งหลังจากนี้หวังว่าจะมีมาตรการหรือข้อกฎหมายในการร้องเรียนเรื่องต่างๆ เข้ามาควบคุม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนักร้องศรีสุวรรณอีก และไม่ให้เป็นการร้องเรียนกันไปมาโดยไม่มีที่สิ้นสุด อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนกับนักร้องทั้งหลาย และเพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติ
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกรณีของนายกองตรี ดร.ธนกฤต นั้น เป็นกรณีของโครงการประมูลสัมปทานกำไร EM ของกระทรวงยุติธรรม ในช่วงปี 2565 นายศรีสุวรรณ จรรยา และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ได้ทำหนังสือร้องเรียนมายังกระทรวงยุติธรรม ให้ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการดังกล่าวว่าอาจมีการทุจริต แต่หลังจากนั้น พบว่าในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2565 นายเจ๋งได้เดินทางเข้าพบนายกองตรี ดร.ธนกฤต ซึ่งเป็นเลขานุการของรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ห้องทำงานภายในกระทรวงยุติธรรม ก่อนจะมีการพูดคุยเจรจาเพื่อขอเรียกรับเงินจำนวนหนึ่ง แต่นายกองตรี ดร.ธนกฤต ไม่ได้ตกลงจะมอบเงินหรือทรัพย์สินให้ ก่อนที่จะมีการนำเรื่องไปร้องเรียนที่กรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและการตำรวจ วุฒิสภา
จากนั้นได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายในกระทรวงยุติธรรม ซึ่งผลออกมาชัดเจนทั้ง 2 หน่วยว่า รัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องไม่ได้ทำการทุจริต แต่เป็นการดำเนินการที่ผิดสัญญาและสเปกที่กระทรวงระบุไว้ จึงได้มีการเรียกร้องให้จ่ายค่าปรับและยกเลิกสัญญาดังกล่าว
ต่อมาในปี 2567 พบว่านายศรีสุวรรณ จรรยา และนายเจ๋ง ดอกจิก ยังคงยื่นเรื่องให้คณะกรรมาธิการชุดใหม่ในสมัยรัฐบาลปัจจุบัน ดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวซ้ำอีก จึงมองว่าเป็นเรื่องการกระทำที่ไม่ถูกต้อง และอาจเข้าข่ายการข่มขู่ตบทรัพย์ จึงให้ทนายความไปทำการเจรจากับนายศรีสุวรรณ จรรยา ที่บ้าน เมื่อวันที่ 14 มกราคม เวลา 19.50 น ซึ่งนายศรีสุวรรณได้มีการเรียกรับเงินค่าดูแลอีกครั้ง