พระเอกหมอลำดัง ยอมรับ โดน 2 พระมหาลวงเข้ากุฏิชวนเล่นเซ็กซ์หมู่ คนหนึ่งจูบปาก อีกคนเตรียมไซ้ซอกคอ ขอให้อมนกเขาแล้วจะให้มาลัย แต่ปฏิเสธเพราะไม่อยากเป็นเปรตเฝ้าวัด

จากกรณีเพจอีซ้อขยี้ข่าว ได้แชร์โพสต์ข้อความ รอติดตาม เรื่องของนักร้องหมอลำกับพระมหาคนดัง โดยมีข้อความว่า “พระสองรูปนี้ชวนผมไปกุฏิ บอกว่าจะติดต่องานครับ พอผมไปพยายามจะมามีอะไรกับผมแบบเซ็กซ์หมู่ โดยอ้างว่าจะให้เงิน อีกรูปเอาของลับออกมาแล้วบอกผมอมให้หน่อย อีกรูปพยายามถอดกางเกงแต่ผมไม่ยอมครับ” โดยมีผู้เข้าชมและแสดงความคิดเห็นไปต่างๆ นานา จำนวนมาก 

ต่อมาเวลา 14.00 น. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2567 ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อกับพระเอกหมอลำคนดังกล่าว ทราบชื่อนายตรีกวินท์ ขำโห้ หรือตั้ม อายุ 34 ปี ชาวอุดรธานี พระเอกหมอลำคณะหนูภารวิเศษศิลป์ ซึ่งนัดเดินทางไปพบที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี วัดที่เกิดเหตุ  

เมื่อเดินทางมาถึงพบพระอาจารย์ณัฐ เจ้าอาวาสวัด นั่งอยู่หน้ากุฏิและได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งนายตรีกวินท์ ได้เล่าให้ฟังว่า เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 คณะหมอลำหนูภารวิเศษศิลป์ ได้เดินทางมาแสดงที่วัดนี้ ซึ่งมีงานนมัสการพระธาตุ (พระธาตุรวงข้าวเจดีย์ศรีพระแม่โพสพ) ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 6-14 มกราคม 2567 คณะหมอลำตนมาแสดงเป็นคืนสุดท้าย 

นายตรีกวินท์ เล่าต่อว่า เมื่อเดินทางมาถึงวัด ตนจอดรถไว้หลังวัด กำลังขนของออกจากรถเพื่อไปเต็นท์หลังเวทีซึ่งอยู่หน้าโบสถ์ เต็นท์ของตนจะอยู่หน้ากุฏิเจ้าอาวาส ขณะนั้นได้พบกับพระมหาขาว (นามสมมติ) ซึ่งเคยรู้จักกันมาก่อน เพราะเมื่อปีที่ผ่านมามหาขาวเคยติดต่อขอซื้อชุดหมอลำมือสองกับตน ทำให้ได้พูดคุยกัน ตนจึงได้มนัสการถามไถ่ พระมหาขาวบอกว่าไม่ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ ตอนนี้ไปอยู่ จ.บึงกาฬ แต่มาช่วยงานวัด และงานวันนี้พระมหาขาวเป็นผู้เสนอเจ้าอาวาสให้จ้างคณะตนมา และวันนี้มีงานให้ พร้อมกับชวนตนไปเล่นที่กุฏิ แต่ตนปฏิเสธเพราะต้องขนของ

...

เมื่อปฏิเสธไป พระมหาขาวก็บอกว่าไม่ต้องกลัว เพราะที่กุฏิมีพระมหาอีกรูปอยู่ และให้ตนชวนเพื่อนหมอลำไปด้วย ซึ่งก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะพระไม่ได้มีท่าทีแสดงออกคุกคาม และอยากได้งานจึงเดินตามไปกุฏิติดประตูทางออกไปตลาดผ้านาข่า เมื่อไปถึงพบเป็นกุฏิ 2 ชั้นไม้ครึ่งปูน เมื่อเดินเข้าไปชั้นล่าง ก็พบพระมหาดำ (นามสมมติ) นั่งอยู่ในกุฏิแล้ว พอตนไปถึงพระมหาดำได้เดินออกไปจากกุฏิ ไม่นานก็เดินกลับมากอดตนด้านหลัง ก่อนจะไซ้ซอกคอ ส่วนพระมหาขาวเตรียมจะกระโจนเข้ามาจูบปาก ตนจึงบอกให้หยุด ตนไม่ได้มาทำแบบนี้ ตนมาเพราะเคารพนับถือ และปฏิเสธคำชวนไม่ได้ 

จากนั้น พระมหาดำ ได้เดินออกมาแล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสอง สวนพระมหาขาวพูดว่าขอคุยด้วยได้มั้ย ก็รู้ว่าต้องคิดทำมิดีมิร้ายแน่ พอเดินตามขึ้นไปชั้นสองก็ปิดประตูทันที แล้วพระมหาดำงัดอวัยวะเพศออกมา พร้อมกับบอกว่า “อมให้หน่อยจะให้มาลัย” พระมหาขาวก็พูดว่า “ขอหน่อยจะให้มาลัย” จากนั้นก็พยายามถอดกางเกงตน ซึ่งตนได้บอกให้หยุด เพราะไม่ต้องการแบบนี้ จึงเดินออกมา แต่พระมหาขาวเดินตามออกมา พร้อมกับบอกว่าแค่ลองใจ ตนจึงบอกว่าอย่ามาลองใจ ทางนั้นก็ขอว่าเรื่องนี้อย่าพูดให้ใครฟัง แต่ตนก็เล่าให้หัวหน้าวงฟัง และทำงานต่อ

พระเอกหมอลำ กล่าวอีกว่า ช่วงที่ร้องเพลง พระมหาขาวเดินมาหา ขอพบ ซึ่งน้องพระเอก นางเอก เห็นกันหลายคน แต่ไม่ได้ออกมาพบ จากนั้นตนก็เดินสายไปทำงานต่อ และโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัววันที่ 16-17 มกราคม 2567 พระมหาขาว ได้โทรมาขอโทษ บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ อารมณ์ชั่ววูบ และบอกให้ลบโพสต์ออก ส่วนพระมหาดำพูดว่า นึกว่าดีลกันแล้ว ซึ่งท่านอยู่ในสมณเพศ ถ้าอยากทำแบบนี้ก็สึกออกมาเลย ทำให้หนำใจและอิ่มไปเลย สงสารชาวบ้าน ผู้แก่ผู้เฒ่าที่กราบไหว้ และตนไม่อยากเป็นเปรตยืนอยู่ในวัด 

ส่วนพระอาจารย์ณัฐ เจ้าอาวาสวัด เล่าว่า พระมหาทั้งสองรูปเคยอยู่ที่นี่ เพราะกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่งใน จ.หนองคาย จึงมาพักอยู่ที่วัดนี้ แต่ตอนนี้พระมหาทั้งสองได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดใน อ.เซกา จ.บึงกาฬ แต่ถ้าวัดมีงานพระทั้งสองรูปก็จะมาช่วยงานที่วัด แต่พฤติกรรมที่ทำกับพระเอกหมอลำพระอาจารย์ไม่เคยรู้

ต่อมานายตรีกวินท์ ได้พาไปชี้จุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นกุฏิสองชั้นไม้ครึ่งปูน สำหรับรับแขกที่มาพัก แต่ได้ปิดล็อกประตูทั้งสองชั้น ซึ่งนายสำรวย บุตรธนู อายุ 50 ปี โฆษกวัด เล่าว่า ก่อนหน้านี้พระมหาทั้งสองรูปมาเรียนอยู่ที่ จ.หนองคาย จึงมาขอจำวัดที่นี่ ไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติเรื่องรสนิยมทางเพศ แต่พอเรียนจบก็ไปจำวัดอยู่ อ.เซกา จ.หนองคาย ส่วนที่มีคนมาโยงว่า ไฟไหม้พระธาตุรวงข้าว เพราะมีพระทำสิ่งไม่ดีในวัดนั้น คิดว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะว่าเคยมีเหตุก่อนไฟไหม้ มีพระเห็นไฟสปาร์กบนพระธาตุก่อนแล้ว แต่ถอดปลั๊กได้ทัน อีกทั้งรวงข้าวยังชื้นจึงติดไฟยาก แต่เมื่อคืนนี้รวงข้าวแห้ง ทำให้ติดไฟง่าย

จากนั้นนายตรีกวินท์ ได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.รุ่งศักดิ์ มหาปัญญาวงศ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อดำเนินคดีกับพระมหาทั้งสองรูป ในข้อหา “กระทำอนาจาร” เพื่อไม่ให้พระมหาทั้งสองไปกระทำกับบุคคลอื่น ถ้าหากเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับเด็ก เยาวชน โดยการนำเงินมาหลอกล่อ มันก็จะเป็นการสมยอม และเชื่อว่าพระมหาทั้งสองไม่ได้ทำกับตนคนเดียว ต้องทำกับคนอื่นมาแล้ว จนเกิดความย่ามใจว่าจะทำกับตนได้