เรียกสอบแจ้งข้อหา 4 คนร่วมก๊วน “ช่างกิต” อุ้มฆ่าหนุ่มโรงงานทิ้งศพริมถนนเลียบมอเตอร์เวย์ โดนเพิ่มเป็น 3 ข้อหาหนัก ทั้งปล้นฆ่าข่มขืนใจ และหน่วงเหนี่ยวกักขังจนเสียชีวิต ทั้งหมดยังให้การปฏิเสธก่อนถูกส่งตัวฝากขังต่อศาล “พร” เมียผู้ตายเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมพร้อมให้ตำรวจเก็บข้อมูลในมือถือไปตรวจสอบอย่างละเอียด ผู้การแปดริ้วแจงผลสอบเมียไม่พบความผิดปกติ เชื่อไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุฆาตกรรมสามี พ่อยอมรับลูกสาวผิดเรื่องผู้ชาย แต่ขอให้แยกแยะว่าไม่ได้เป็นคนฆ่าผัว ญาติพี่น้องร่วมเก็บอัฐิผู้ตายไปลอยอังคาร สาปส่งเมียพี่ชายไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก
ยังเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ คดีอุ้มฆ่านายธนาสันต์ หรือใหม่ เตอั้น อายุ 33 ปี หนุ่มโรงงานถูกจับมัดมือมัดเท้าจ่อยิงทิ้งศพริมถนนเลียบมอเตอร์เวย์ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ต่อมาตำรวจจับกุมนายกิตติโชติ หรือช่างกิต แพไพรมูล อายุ 37 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุเป็นคู่กิ๊กของ น.ส.วรรณพร หรือพร หลักแหลม อายุ 33 ปี ภรรยาผู้ตาย มีผู้ร่วมก่อเหตุเข้ามอบตัวอีก 4 คน คือนายนันทพัทธ์ หรือโอ๊ต พุทธ อายุ 23 ปี หลานชายช่างกิต นายปานเทพ หรือแท็ป บุหรี่ทอง อายุ 29 ปี น.ส.อภิสรา หรือนิว ผ่องจำปา อายุ 22 ปี และนายสุขสงกรานต์ หรือกาน จันแดง อายุ 24 ปี ตำรวจแจ้งข้อหานายกิตติโชติเพียงคนเดียว ส่วนอีก 4 คนให้การขัดแย้งกันยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาและปล่อยตัวไปชั่วคราว ส่วนศพนายธนาสันต์ทำพิธีฌาปนกิจไปแล้ว น.ส.วรรณพร ภรรยา ร่ำไห้ยอมรับผิดว่าตัวเองไม่ซื่อสัตย์กับคนรักกลายเป็นต้นเหตุให้สามีถูกฆ่าตาย
ความคืบหน้าของคดี เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 5 ก.พ. ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ ลิ้นทอง รอง สว. (สอบสวน) สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา นัดสอบปากคำเพิ่มเติม น.ส.วรรณพร หรือพร หลักแหลม อายุ 33 ปี ภรรยาผู้ตาย พร้อมทั้งนัดสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาผู้ที่ร่วมก่อเหตุทั้ง 4 คนคือ นายนันทพัทธ์ พุทธ อายุ 23 ปี หลานชายช่างกิต นายปานเทพ บุหรี่ทอง อายุ 29 ปี น.ส.อภิสรา ผ่องจำปา อายุ 22 ปี และนายสุขสงกรานต์ จันแดง อายุ 24 ปี เบื้องต้นแจ้ง 1 ข้อหาคือ ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ทั้งหมดให้การปฏิเสธ นายนันทพัทธ์เผยว่า ไม่น่าไปกับนายกิตและไม่คิดว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้
...
ต่อมา พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท ผบก.ภ.จ.ฉะเชิงเทรา เดินทางไปที่ สภ.บางปะกง หลังทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาเดียว ยังมีหลายประเด็นเป็นที่น่าสงสัย ให้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนไปสอบปากคำเพิ่มเติม พล.ต.ต.นเรวิช ร่วมสอบสวนด้วย จากนั้นได้เพิ่มข้อกล่าวหาเป็น 3 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยมีหรือใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะ ข่มขืนใจผู้อื่นโดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังถึงแก่ความตาย
หลังแจ้งข้อหา ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ไปที่รถเก๋งมิตซูบิชิมิราจ สีแดง คันที่ก่อเหตุ เพื่อให้แต่ละคนชี้จุดว่าคืนเกิดเหตุนั่งกันตรงไหน ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำตัวส่งฝากขังต่อศาลจังหวัด ฉะเชิงเทราในช่วงบ่าย ระหว่างตำรวจคุมตัวกลุ่มผู้ต้องหามาขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าทั้งหมดถูกหลอกขึ้นรถมากับช่างกิตจริงหรือไม่ ร่วมมือกับช่างกิตในการอุ้มฆ่าผู้ตายหรือไม่ รวมถึงถามไปยังนายโอ๊ตว่า นำรถ จยย.ของผู้ตายไปชำแหละหลังเกิดเหตุหรือไม่ ทั้งหมดปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามใดๆ จนกระทั่งถูกตำรวจพาขึ้นรถไปส่งศาล
พล.ต.ต.นเรวิชเผยว่า หลังจากผู้ต้องหาทั้ง 4 คนมารับทราบข้อกล่าวหาพบว่า มีประเด็นคำให้การบางจุดที่ขัดแย้งกันอยู่จึงต้องสอบสวนใหม่ ใครจะร่วมทำหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ของกองพิสูจน์หลักฐานที่เก็บไว้ในวันที่เกิดเหตุ และตามหลักฐานของกลางที่ตรวจยึดได้ ขณะเดียวกันตำรวจได้นัด น.ส.วรรณพร ภรรยาผู้ตาย เข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติมก็ไม่พบความผิดปกติและน่าจะไม่มีส่วนรู้เห็นกับเหตุฆาตกรรมสามี ตำรวจได้เก็บข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือของ น.ส.วรรณพรทั้งหมดเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังให้ปากคำตำรวจแล้วเสร็จ น.ส.วรรณพรปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ก่อนรีบเดินทางกลับไป ด้านนายจำเริญ หลักแหลม อายุ 64 ปี พ่อของ น.ส.วรรณพร เผยว่า ตอนนี้สังคมโจมตีลูกสาวอย่างหนัก เข้าใจว่าลูกสาวผิดเรื่องผู้ชาย แต่อยากให้แยกแยะว่าลูกสาวของตนไม่ได้ไปฆ่าสามีตัวเอง หากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาเท่านั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม หากลูกสาวผิดก็ให้รับโทษทางกฎหมายได้เลย
ที่วัดคลองปลัดเปรียง ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ช่วงเช้าวันเดียวกัน น.ส.สุดารัตน์ เตอั้น อายุ 29 ปี น้องสาวนายธนาสันต์ หนุ่มโรงงานเหยื่ออุ้มฆ่า พร้อมญาติพี่น้องร่วมกันทำพิธีเก็บอัฐิพี่ชาย หลังจากฌาปนกิจศพไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ. โดย น.ส.วรรณพร ภรรยาผู้ตาย ไม่ได้มาร่วมเก็บอัฐิสามี เนื่องจากต้องเดินทางไปให้ปากคำที่ สภ.บางปะกง นายศักดิ์โชติ จอนกิ่ง อายุ 31 ปี ญาติผู้น้องผู้ตายเผยว่า วันนี้เก็บกระดูกพี่ชายไม่อยากให้พรมาร่วมงานด้วย ขอให้ตัดขาดกันไปเลย หลังจากเผาศพเสร็จแล้วก็ไม่ต้องมายุ่งเพราะทางครอบครัวจะจัดการกันต่อเอง เพราะตนยังมีความรู้สึกทั้งโกรธทั้งเกลียดพรอยู่ สุดท้ายอยากบอกว่ารักพี่ชายมาก ไม่น่าจะมาเสียชีวิตเพราะเรื่องแบบนี้ ส่วนอัฐิของพี่ชายส่วนหนึ่งจะแบ่งไว้ทำบุญ ที่เหลือนำไปลอยอังคารที่วัดหงษ์ทอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
...
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่