ตำรวจพบ "เอก ปากน้ำ" คีย์แมนสำคัญ ลบหลักฐานทิ้งหมด ก่อนตำรวจเข้าค้นบ้านตัวเองและบ้านเมียเก่า แต่ยังไม่หนักใจ เพราะมีหลักฐานอีกเยอะที่สามารถเอาผิดแก๊งตบทรัพย์นี้ได้ 

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567 พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. เปิดเผยกรณีการตรวจค้นและจับกุมนายเอกลักษณ์ วารีชล หรือเอก ปากน้ำ คีย์แมนหลักแก๊งศรีสุวรรณ จรรยา ว่า หลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. ตรวจยึดมาได้นั้น มีทั้งหนังสือและเอกสารต่างๆ จำนวนมาก โดยพนักงานสอบสวนจะต้องนำมาตรวจดูว่ามีส่วนไหนเกี่ยวข้องกับคดีบ้าง ส่วนโทรศัพท์มือถือของนายเอกลักษณ์ที่ยึดมาตรวจสอบ พบว่ามีการเปลี่ยนซิมการ์ดใหม่เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ก่อนจะมีการเข้าตรวจค้นจับกุม รวมทั้งข้อมูลต่างๆ ที่อยู่บนคอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตต่างๆ ล้วนแต่มีการลบข้อมูลทำลายหลักฐานไปก่อนหน้านี้แล้ว 

ทั้งนี้ คาดว่านายเอกน่าจะรู้ตัวก่อนว่าเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจค้น แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่ได้หนักใจ เพราะสามารถส่งหลักฐานทั้งหมดไปตรวจพิสูจน์และดึงข้อมูลมาดูได้เกือบทั้งหมด เพื่อนำมาพิสูจน์ทราบได้ เชื่อว่าน่าจะได้เห็นข้อมูลอะไรอีกเยอะพอสมควร

ผบก.ปปป. กล่าวต่อว่า สำหรับนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก นั้นก่อนที่จะมีการจับกุมเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน บก.ปปป. ได้ส่งข้อมูลของนายเจ๋ง ดอกจิก ทั้งหมด ให้ ป.ป.ช.ตีความเรื่องสถานะมาก่อนแล้ว จากนั้นจึงได้ขอศาลออกหมายจับ แต่หลังจับกุมนายศรีสุวรรณ จรรยา นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือการ์ตูน มาได้แล้วนั้น พนักงานสอบสวน บก.ปปป.ยังได้ทำหนังสือสอบถามถึงประธานสภา รวมทั้งชุดคณะกรรมธิการต่างๆ ว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมมาได้นั้น มีสถานะใดในคณะกรรมาธิการ ขณะนี้กำลังรอหนังสือตอบกลับอยู่  

...

รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางการสืบสวนพฤติกรรมของนายเอกลักษณ์ หรือเอก ปากน้ำ พบว่ามีพฤติกรรมชอบร้องเรียนมาตั้งแต่สมัยที่เรียนปริญญาเอก อย่างเห็นได้ชัด โดยเริ่มจากการร้องเรียนอาจารย์ประจำภาควิชาหลายคนที่สอนนายเอก ต่างถูกร้องเรียนเรื่องต่างๆ มาตลอด

นอกจากนี้เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 66 นายเอกลักษณ์ ยังเคยถูกนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้ อีสาน แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หลังนายเสกสกล กล่าวอ้างว่า พฤติกรรมของนายเอกลักษณ์มีความอันตราย มักจะทำตัวเป็นนายหน้าไปรับงานจากบริษัทต่างๆ แล้วกล่าวอ้างว่าจะเคลียร์ให้ ทำให้บางบริษัทรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องของทีโออาร์ จากนั้นนายเอกลักษณ์จะเสนอตัวอาสามาร้องเรียนที่สำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักปลัด เอาเอกสารที่มีการออกเลขร้องเรียนแล้วไปข่มขู่เข้าข่ายเป็นการตบทรัพย์ โดยที่ผ่านมามีการไปแจ้งความไว้แล้วที่ สน.ดุสิต 

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบยังพบว่า เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 66 นายเอกลักษณ์ได้เผยแพร่เอกสารถึงสื่อมวลชน โดยมีข้อความหนึ่งระบุชี้แจงว่า ตัวเองไม่ได้เป็นนักการเมือง แต่รู้จักกับนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก มานาน ช่วยเหลือรับส่งกันในฐานะคนสนิทกันด้วย

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวว่า จากการสืบสวนสอบสวน ยังพบว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องอีกอย่างน้อย 2 คน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานประกอบด้วยภาพวงจรปิด พยานเอกสาร รวมถึงคำให้การผู้เสียหายก่อนหน้านี้ ยังไม่สามารถขออำนาจศาลออกหมายจับได้ คาดว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ถึง 3 วัน ซึ่งหากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องต้องดำเนินการทั้งหมด 

ทั้งนี้ ในวันที่ 5 ก.พ. ได้เรียกประชุมทีมสืบสวนสอบสวนเพื่อวางแนวทางการสืบสวนขยายผล และติดตามความคืบหน้าของคดี เพื่อที่จะนำรายละเอียดเข้าที่ประชุมคณะทำงานชุดใหญ่ในวันพุธที่ 7 ก.พ.นี้ต่อไป