หนุ่ม 18 วอนชาวเน็ตอย่าโยง “ช่างกิต” แค่ผ่านไปเจอ “ใหม่” หนุ่มโรงงานถูกนำทิ้งข้างทางเป็นคนแรก มองด้วยหางตาครั้งแรกเห็นเป็นคนหน้าดำๆ นั่งอยู่ แต่พอวนมาดูกลับกลายเป็นศพคนตาย ยันไม่ได้รับจ้างคอยดูศพ ช่วยเพราะตัวเองเคยประสบอุบัติเหตุแล้วไม่มีคนช่วย แถมเจอเรื่องลี้ลับ จนต้องไปรดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์
วันที่ 3 ก.พ. 67 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายพรเทพ ทมธิแสง อายุ 18 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ผ่านมาพบเห็นศพของนายธนาสันต์ เตอั้น หรือใหม่ อายุ 33 ปี หนุ่มโรงงานผลิตยางรถยนต์ในนิคมอมตะนคร เฟส 6 อ.เมือง จ.ชลบุรี ที่ถูกคนร้ายมัดมือมัดเท้ามาจากบ้านพักใน จ.สมุทรปราการ และใช้อาวุธปืนยิงที่ศีรษะ นำศพมาทิ้งไว้ที่บริเวณริมถนนเลียบทางด่วนมอเตอร์เวย์ สาย 7 กรุงเทพฯ-พัทยา ด้านฝั่งขาเข้า กทม. บริเวณหลัก กม.ที่ 41+100 พื้นที่ ม.10 ต.บางวัว อ.บางปะกง เมื่อเย็นวันที่ 29 ม.ค. 67 เวลา 17.16 น. โดยเป็นผู้พบศพเป็นคนแรก ก่อนที่จะโทรศัพท์แจ้งไปยังหมายเลข 191
นายพรเทพ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้รับผลกระทบจากข้อความในคอมเมนต์ที่ว่าตนเองนั้นมีส่วนร่วม หรือสมรู้ร่วมคิดด้วยกันกับ “ช่างกิต” คนร้ายที่ก่อเหตุหรือไม่ จึงอยากออกมาบอกคนในสังคมออนไลน์ว่า รอให้เขาสรุปคดีมาก่อนดีกว่า ก่อนที่จะมาคาดเดาในความเกี่ยวโยงไปต่างๆ นานา ว่าเป็นใคร อย่างไร เพราะทำให้ตนนั้นใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะธุรกิจออนไลน์ที่ทำอยู่ ที่กำลังได้รับผลกระทบโดยตรง ช่วงเวลาที่ไลฟ์สด ก็มักจะมีคนเข้ามาถาม และงานที่ลูกค้าเคยนัดหมายว่าจะมาทำ ก็ยังถูกยกเลิกไป ทำให้ลูกค้าหายไปพอสมควร จึงได้มาแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจต่อสื่อมวลชน ให้ช่วยสื่อสารไปในสังคมให้ได้รับรู้ถึงความจริงว่าเราไม่ได้ทำ ไม่ได้มีส่วนร่วมในคดีนี้ เนื่องจากมีคนรู้จักค่อนข้างมาก และบางรายยังสอบถามไปยังทางพ่อแม่อีกด้วย ว่าได้เป็นคนทำกับเขาหรือไม่ ก็ค่อนข้างจะเกิดความไม่สบายใจ
...
“แต่เราบริสุทธิ์ใจ คงจะไม่กลับรถไปช่วยเหลือ ไม่ได้หวังอะไรด้วย และไม่ได้รับจ้างใครมาคอยดูศพ เพราะมีคนคอมเมนต์ว่า รับจ้างมาคอยดูศพ และก็ยังมีความบังเอิญอีกว่าพี่ชาย คือ นายวงสกร อายุ 29 ปีนั้น รู้จักกับเพื่อนของคนที่เสียชีวิตในวงการแต่งรถด้วยกัน โดยที่ไม่ได้รู้จักกันกับผู้ตายและภรรยาเขาโดยตรง”
นายพรเทพ กล่าวอีกว่า เส้นทางที่พบศพ ตนเองขับรถเดินทางกลับบ้านผ่านเกือบทุกวัน ในวันเกิดเหตุขณะขับรถผ่านเส้นทาง ปลายหางตาซ้ายได้มองเห็นมีคนลักษณะหน้าดำๆ นั่งอยู่ จึงเข้าใจว่าเป็นคนที่ขับรถมาประสบอุบัติเหตุแล้วไม่มีคนช่วย จึงได้วนกลับไปดูเพื่อที่จะช่วยเหลือ เนื่องจากที่ผ่านมาตนเคยประสบอุบัติเหตุแล้วไม่มีคนเข้ามาช่วย ต้องนั่งรอคอยความช่วยเหลือจากคนอื่น และเข้าใจในความรู้สึกในขณะนั้นดีว่าการรอคอยความช่วยเหลือนั้นเป็นอย่างไร
“แต่เมื่อวนกลับมาดูแล้วกลับกลายเป็นศพของคนตาย ที่ถูกนำมาทิ้งไว้นอนอยู่ จึงเกิดความตกใจขึ้นมา เนื่องจากในขณะที่มองเห็นด้วยหางตากับตอนวนกลับมาดูแล้วไม่เหมือนกัน จากคนที่นั่งรอขอความช่วยเหลืออยู่กลายเป็นศพคนที่ตายไปแล้ว พอตั้งสติได้จึงได้โทรศัพท์แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ในทันที และยังได้แจ้งไปยังหน่วยกู้ภัยด้วย”
หลังผ่านเหตุการณ์มาแล้วนั้น ไม่ได้รู้สึกหลอนหรือหวาดกลัวอะไร แต่ได้ทำให้เกิดความเชื่อบางอย่างที่เราไม่เคยเชื่อมาก่อน ได้ทำให้เราเชื่อขึ้นมาว่าสิ่งลี้ลับนั้นมีจริง จากเดิมที่เป็นคนไม่ค่อยมีความเชื่อในเรื่องนี้ ซึ่งหลังจากที่พบศพ เช้าวันรุ่งขึ้นก็ไปรดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ที่วัดบางวัวทันที หลังจากนี้ก็อยากให้คนเข้าใจตนเองมากขึ้น แต่ก็ไม่ท้อที่จะช่วยเหลือคนอื่นที่ตกทุกข์ได้ยากต่อไป