วงการตำรวจฉาวโฉ่อีกแล้ว ด.ต.โรงพักนาใน จ.สกลนคร เมาแล้วขับ ชนระนาวนับ 10 คัน แล้วลากร่างเด็ก 12 ปีครูดไปตามพื้นถนนกว่า 300 เมตร แล้วบึ่งหนีไปชนสามล้อและรถยนต์คันอื่นอีกจนสิ้นฤทธิ์ ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ยันไม่มีการช่วยเหลือ ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายสูง 321 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โดนหลายข้อหา
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 ร.ต.อ.หญิง พัชริดา พิมพ์เภา ร้อยเวรอุบัติเหตุจราจร สภ.เมืองร้อยเอ็ด ประสานกู้ภัยอโสก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และสายตรวจ เร่งช่วยเหลือคนเจ็บ และสกัดติดตามรถก่อเหตุชนแล้วหนี หลังจากได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุพลาญชัย ว่าเกิดอุบัติเหตุรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีขาวบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บษ 5569 ร้อยเอ็ด ก่อเหตุชนรถยนต์-รถจักรยานยนต์ หลายคันแล้วขับหนี โดยลากคนเจ็บติดรถไปด้วยเป็นระยะทางกว่า 300 เมตร ก่อนที่คนเจ็บหลุดอยู่บนถนนอาการสาหัส แล้วขับรถหนีไป ขึ้นถนนใหญ่สายร้อยเอ็ด-ยโสธร จนไปชนรถสกายแลป 1 คัน แล้วยังชนกับรถเก๋งบนสะพานหน้าโรงเรียนอนุบาลร้อยเอ็ด แล้วถูกจับกุมได้ในลักษณะของการมึนเมา ใส่เสื้อยืดขาว พูดจาไม่รู้เรื่อง อยู่ในรถ จึงควบคุมตัวไว้เพื่อดำเนินคดี
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งกู้ภัยกำลังเร่งรักษาบาดแผลเบื้องต้น ก่อนที่จะนำร่างคนเจ็บ คือ เด็กชายวฤทธิ์ พึงไพศาล อายุ 12 ปี ที่บาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลฉีกขาดตามร่างกายหลายแห่ง ขึ้นรถกู้ภัย ส่ง รพ.ร้อยเอ็ด และตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พบร่องรอยเลือดสีแดงเป็นแนวยาวบนถนน จากหน้าศาลเจ้าที่ หน้าตลาดสดทุ่งเจริญ ในเมืองร้อยเอ็ด จนมาถึงที่เกิดเหตุไกลกว่า 300 เมตร และตามไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ก็พบรถจักรยานยนต์ ที่จอดอยู่หน้าตลาด ถูกชนล้มระเนระนาด 7 คัน
โดยพลเมืองดี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนที่จะขับหนีไปพร้อมกับลากคนเจ็บไปด้วยนั้น รถคันก่อเหตุได้เฉี่ยวชนกับรถกระบะก่อน 1 คัน แล้วจึงเสียหลัก มาชนท้ายรถจักรยานยนต์ ของนางสาวสุภาพร พึงไพศาล อายุ 53 ปี ที่มีหลานคือ ด.ช.วฤทธิ์ อายุ 12 ปี นั่งซ้อนท้ายมาจนตกจากรถ แล้วรถทับพร้อมกับลากไปได้ประมาณ 10 เมตร แล้วรถคันดังกล่าวก็จอดบริเวณหน้าตลาด พลเมืองดี จึงวิ่งไปบอกคนขับให้จอดและช่วยคนเจ็บ แต่ปรากฏว่า คนขับรถไม่เพียงแต่ไม่ช่วยและไม่จอดรถ แต่กลับขับรถเร่งเครื่องหนีไปต่อ จนกระทั่งร่างคนเจ็บหลุดจากรถ ก่อนถึง 4 แยก ห่างจากจุดชน กว่า 300 เมตร แล้วเร่งเครื่องหนีไป จนไปชนสามล้อสกายแลป และรถเก๋งอีกคันจึงสิ้นฤทธิ์ และถูกควบคุมตัวไว้ได้
...
นำมาสอบสวนที่ห้องชุดสายสืบ "สุรสีห์" สภ.เมืองร้อยเอ็ด จึงพบว่าผู้ก่อเหตุ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ คือ ดาบตำรวจสมทรง ศรีอาราม เป็นชาวร้อยเอ็ด ปฏิบัติหน้าที่ อยู่ที่ สภ.นาใน จ.สกลนคร ซึ่งเดินทางกลับบ้าน จนมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น
ด้าน พล.ต.ต.ทรงพล บริบาลประสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด ให้สัมภาษณ์สั้นๆ หลังจากเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงของการสอบสวนผู้กระทำความผิด ร่วมกับ พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด ว่า ได้สั่งการไปยัง ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด ให้สืบสวนสอบสวนและการดูแลช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุอย่างเต็มที่ และเป็นธรรมทุกๆ ฝ่าย ถึงแม้ผู้ก่อเหตุเป็นข้าราชการตำรวจก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายทุกข้อกล่าวหา พร้อมกับกำชับให้ ผกก.เร่งสรุปสำนวนเหตุรายงานให้ทราบโดยละเอียดและต่อเนื่อง เพื่อที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ให้มองว่าพอผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจ ก็จะช่วยเหลือกัน ซึ่งยืนยันว่าไม่มีการช่วยคนที่กระทำความผิดอย่างแน่นอน โดยไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
ในส่วนของ พ.ต.อ.ชลิต ศรีหานู ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุรายนี้ได้มีการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายผู้ขับขี่ ซึ่งปรากฏว่าหลังจากตรวจวัดขึ้น 321 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งผู้กระทำความผิดในครั้งนี้เป็นข้าราชการตำรวจที่ สภ.นาใน จ.สกลนคร แต่มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งประชาชนมีความห่วงใยว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วจะมีการช่วยเหลือกันหรือเปล่า

ซึ่งตอนนี้ทาง สภ.เมืองร้อยเอ็ด เราจะทำงานอย่างเต็มที่ ตามคดีข้อกฎหมายกำหนดทุกประกร ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด เราจะให้ความเป็นธรรมทุกๆ ฝ่าย นอกจากนั้นยังมีข้อหาการกระทำความผิด คือ ขับรถโดยประมาทชนรถผู้อื่นเสียหายและมีผู้บาดเจ็บ หลบหนีไม่แจ้งเหตุและไม่หยุดช่วยเหลือ รวมทั้งขับรถขณะมึนเมาสุรา เราก็ต้องดำเนินคดีแม้ผู้ขับขี่เป็นข้าราชการตำรวจ ขณะนี้ทำการควบคุมตัวมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองร้อยเอ็ด แล้ว
สำหรับอาการของคนที่รับบาดเจ็บสาหัส ทราบว่าล่าสุดยังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ชั้น 4 รพ.ร้อยเอ็ด ทราบจากแพทย์ที่ รพ.ร้อยเอ็ด แจ้งเพียงสั้นๆ ว่ายังอยู่ในสภาวะ อาการสาหัส แขนหักทั้ง 2 ข้าง ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และอาการน่าวิตก เพราะความดันต่ำผิดปกติ และยังไม่ปลอดภัย และต้องระวังอาการแทรกซ้อน ห้ามญาติเยี่ยมโดยเด็ดขาด