แม่เฒ่าวัย 75 ปี สุดทนพฤติกรรมลูกชายตนเองติดยาบ้า อาละวาดไถเงิน ต้องให้วันละ 200-700 บาท วันไหนไม่ได้ ทุบทำลายข้าวของ ผู้เป็นแม่หวาดกลัวอันตราย ต้องล็อกประตูขังตัวเองไว้ในบ้าน สุดท้ายตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี เข้าระงับเหตุ ควบคุมตัวมาโรงพัก แจ้งข้อหา “ประพฤติตนวุ่นวาย, ทำให้เสียทรัพย์ ทำร้ายบุพการี”
เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 19 มกราคม 2567 ขณะที่ ร.ต.อ.วิทยา ศิริเทพ รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 สภ.เมืองอุดรธานี ว่ามีเหตุลูกชายคลุ้มคลั่งอาละวาด กำลังทุบทำลายบ้านเพื่อจะเข้าไปทำร้ายแม่ตัวเอง เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 178/5 ซอยพละบุดีศรีอุดร 2 ชุมชนหนองเตาเหล็ก เทศบาลนครอุดรธานี หลังรับแจ้งจึงนำกำลังสายตรวจ 191 พร้อมด้วยเหล็กง่าม ออกไประงับเหตุ
ที่เกิดเหตุพบเป็นบ้านปูน 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด ตัวบ้านมีการติดตั้งลูกกรงเหล็กทั้งประตู และหน้าต่าง รอบบ้านอย่างมิดชิด บริเวณระเบียงหน้าบ้านพบ นายสมพิทักษ์ หรือหนุ่ม อายุ 41 ปี ลูกชายเจ้าของบ้าน กำลังร้องเอะอะโวยวาย พยายามจะเข้าไปหา นางสมพงษ์ อายุ 75 ปี เจ้าของบ้าน ที่ล็อกกุญแจขังตัวเอง และหลานชายไว้ภายในบ้าน โดยมีเศษขวดแก้วแตกกระจายเต็มพื้นภายในบ้าน และหน้าบ้าน ซึ่งมี น.ส.ชยาดา อายุ 47 ปี ลูกสาว นางสมพงษ์ พี่สาวนายหนุ่ม ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่หน้าบ้านด้วยความเป็นห่วงแม่ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ได้
...
เมื่อตำรวจไปถึง นายหนุ่ม ยังคงเอะอะโวยวาย จับใจความได้ว่าต้องการเงินจากแม่ อ้างว่ารู้ว่าแม่มีเงิน เพราะเห็นแม่ถือเงินอยู่ อยากจะได้เงินจากแม่ ระหว่างตำรวจกำลังเจรจาไกล่เกลี่ย นายหนุ่ม มีท่าทีสงบลงเล็กน้อย และอ้างว่าจับตนไม่ได้ ตนไม่ได้ทำอะไรผิด และเมื่อ น.ส.ชยาดา พี่สาวเดินเข้าไปหน้าบ้าน นายหนุ่ม ก็มีท่าทีฉุนเฉียวขึ้นมาอีก จึงเกิดการโต้เถียงกันอีกรอบ บอกว่าต้องการเงิน น.ส.ชยาดา จึงตัดสินใจควักเงิน 500 บาท ให้ตำรวจยื่นให้ นายหนุ่ม เมื่อนายหนุ่มได้เงินจึงเดินหลบไปที่บ้านพักตัวเองที่อยู่หลังบ้านทันที
นางสมพงษ์ เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนมีลูก 5 คน นายหนุ่ม เป็นลูกชายคนเล็ก ลูกคนอื่นแยกไปมีครอบครัวที่อื่น ตนอยู่บ้านหลังนี้กับหลานชาย 1 คน ส่วนนายหนุ่มเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมาได้ประมาณ 5 เดือน และมาขออาศัยอยู่ด้วย นายหนุ่ม ติดคุกมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก 11 ปี ข้อหาจำหน่ายยาเสพติด ครั้งที่ 2 ติด 11 เดือน ข้อหาเสพ และทำให้เสียทรัพย์ เพราะเสพยา และคลั่งทำลายข้าวของภายในบ้าน เมื่อพ้นโทษออกมาแม่ก็นึกว่าเขาจะสำนึก และกลับตัวเป็นคนดี แต่ไม่นานก็หวนกลับมาเสพยาอีก มักจะพาเพื่อนมามั่วสุมในบ้าน ตนจึงสร้างบ้านอีกหลังให้อยู่ลำพัง อยู่ด้านหลังของบ้านหลังนี้
“นายหนุ่ม ไม่ได้ทำงานอะไร ขอเงินแม่ใช้ทุกวัน แม่จะให้เงินวันละ 200 บาท และเริ่มขอมากขึ้นเป็นวันละ 500, 700 บาท นายหนุ่ม ได้เงินก็เอาไปซื้อยาบ้ามาเสพ วันไหนที่ขอไม่ได้ก็จะอาละวาด ทุบทำลายข้าวของในบ้าน ตนกลัวอันตราย กลัวลูกจะทำร้าย เมื่อหลานชายออกไปทำงาน ตนจะล็อกประตูบ้านขังตัวเองไว้ในบ้านทันที เป็นอย่างนี้มาหลายเดือนแล้ว เมื่อเช้าลูกชายขอเงิน 20,000 บาท แม่ก็เลยไป 1,500 บาท แล้วเขาก็หายไปทั้งวัน”
นางสมพงษ์ เล่าอีกว่า ตกบ่ายเขาก็มาขอเงินแม่อีก 5,000 บาท บอกว่าจะเอาไปซื้อโทรศัพท์มือถือ เพราะอันเก่าเขาทุบพังไปแล้ว แม่ก็บอกไปว่าไม่มี นายหนุ่ม ก็โวยวาย บอกว่าเห็นตนมีเงินอยู่ จะไม่มีให้เขาได้อย่างไร และให้เวลาถึง 16.00 น. หากไม่ได้เงินจะพังบ้านหลังนี้ จังหวะเดียวกันหลานชายเลิกงานกลับมาพอดี พวกตนจึงล็อกประตู และขังตัวเองไว้ ไม่นานลูกชายก็มาตามที่ขู่ไว้ ตะโกนด่าว่าตน พยายามจะพังประตูเหล็กเข้ามาในบ้าน โยนขวดเข้าใส่ประตูหน้าบ้าน จนเศษแก้วเกือบจะถูกตน แม่ทุกข์หนักมาก ทนไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ว่าจะเจ็บ หรือตายวันไหน วอนเจ้าหน้าที่ช่วยจับเขาไป เอาเขาไปบำบัด หรือไปรับโทษให้ด้วย
หลานชายได้นำ นางสมพงษ์ เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ย้อนกลับไปควบคุมตัว นายหนุ่ม ที่บ้านพัก ตรวจค้นพบยาบ้า 1 เม็ด พร้อมอุปกรณ์การเสพ ควบคุมตัวมาโรงพัก แจ้งข้อกล่าวหา “ประพฤติตนวุ่นวาย, ทำให้เสียทรัพย์ ทำร้ายบุพการี” และจะทำการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.