โฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ชี้ กรณี “ลุงเปี๊ยก” หากถูกควบคุมตัว มีการทรมานอย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจ เช่น คลุมถุงดำศีรษะ ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายทรมานอุ้มหาย ต้องขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบฯ ผู้บังคับบัญชารู้เห็นรับโทษกึ่งหนึ่ง ผู้สนับสนุนรับโทษเท่าตัวการ
วันที่ 18 ม.ค. นายธีรยุทธ แก้วสิงห์ โฆษกกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวถึงกฎหมายทรมานอุ้มหาย คุ้มครองกรณี “ลุงเปี๊ยก” หรือไม่ ว่า ขณะนี้ข้อเท็จจริงยังไม่แน่ชัด ส่วนจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือกฎหมายซ้อมทรมานและอุ้มหายหรือไม่นั้น ต้องรอผลการสอบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ ให้ชัดเจนก่อน
โดยที่กฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย มีหลักการและสาระสำคัญ คือ ห้ามทรมาน การกระทำที่โหดร้าย และอุ้มหาย อย่างเด็ดขาดโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ เป็นความผิดสากลที่เอาผิดได้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนทุกสถานที่ โดยองค์ประกอบความผิดแต่ละฐาน พิจารณาจาก (1) ผู้กระทำ (2) การกระทำ (3) วัตถุประสงค์ และ (4) ผลของการกระทำ เช่น ฐานความผิดการกระทำทรมาน ผู้กระทำเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลอื่นที่ใช้อำนาจรัฐ กระทำการใดๆ ต่อผู้อื่น เพื่อให้ได้ข้อมูล หรือรับสารภาพ ลงโทษ ข่มขู่ เลือกปฏิบัติ ทำให้เกิดความเจ็บปวดหรือทรมานอย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจ เช่น คลุมถุงดำศีรษะ ไฟจี้ ไฟฟ้าช็อต ล่ามโซ่ ซ้อม ทุบตี เป็นต้น ถ้ามีการกระทำผิด ต้องขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเท่านั้นและทุกกรณี
“หากเป็นการกระทำทรมาน อัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี จนถึงตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000-1,000,000 บาท นอกจากนั้น ผู้บังคับบัญชาโดยตรงที่รู้การกระทำนั้นแต่เพิกเฉยต้องรับโทษกึ่งหนึ่ง ส่วนผู้สนับสนุนรับโทษเท่าตัวการ ผู้สมคบรับโทษหนึ่งในสาม แต่ถ้าความผิดสำเร็จรับโทษเท่าตัวการ”
...
นายธีรยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า กฎหมายกำหนดว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐมีการควบคุมตัว หมายความว่า การจับ คุมตัว ขัง กักตัว กักขัง หรือการกระทำอื่นที่เป็นการจำกัดเสรีภาพในร่างกายบุคคล จะต้องทำการบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัว เว้นแต่มีเหตุสุดวิสัย พร้อมทั้งแจ้งการควบคุมตัวไปยังอัยการและฝ่ายปกครองให้ทราบ ซึ่งคณะกรรมการฯ ตามกฎหมายได้ออกระเบียบแนวปฏิบัติให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติแล้ว ผู้เสียหายหมายความถึง สามี ภริยา ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน ผู้อยู่กินฉันสามีภรรยา ผู้อุปการะและผู้อยู่ในอุปการะ และบุคคลที่กฎหมายกำหนด มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลการควบคุมตัว มีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลขอยุติการกระทำความผิด รวมถึงสิทธิการได้รับการเยียวยาความเสียหายเบื้องต้น หากผู้ใดที่พบเห็นหรือทราบการทรมานฯ บุคคลใด ให้แจ้งต่อพนักงานฝ่ายปกครอง พนักงานอัยการ พนักงานสอบสวน ได้ทุกท้องที่ ทุกจังหวัด รวมถึงสามารถแจ้งกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ หรือสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อจะได้ประสานหน่วยที่เกี่ยวข้องต่อไป และหากการแจ้งนั้นกระทำโดยสุจริต ไม่ต้องรับผิดทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางวินัย แม้ปรากฏภายหลังว่าไม่มีการกระทำผิดตามที่แจ้ง