คนร้ายชุดดำควงปืนบุกเดี่ยว ชิงทอง 21 บาท มูลค่าเกือบล้าน ร้านทองกลางตลาดท่าศาลา นครศรีธรรมราช ตร.เร่งไล่ล่า พบ จยย.จอดทิ้งบ้านญาติ คาดเปลี่ยนรถหนีข้ามจังหวัด-ล่าสุดรู้ตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว เผย อ.ท่าศาลา เกิดเหตุชิงทองมาแล้ว 2 ครั้ง ในรอบ 9 วันที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 ม.ค. 67 ร.ต.อ.อุดมวิทย์ ชูบัวทอง รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าศาลา รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า มีเหตุคนร้ายจำนวน 1 คน ใช้อาวุธปืนสั้น 1 กระบอก แต่งกายชุดดำ สวมหมวกกันน็อกสีดำเต็มใบ บุกชิงทองที่ร้านทองศิริพร เลขที่ 263/1 กลางตลาดท่าศาลา เขตเทศบาลตำบลท่าศาลา ม.1 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ใจกลางย่านชุมชนตลาดท่าศาลา มีคนสัญจรพลุกพล่าน จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อม พ.ต.อ.อภิชาติ จันทร์สำเร็จ ผกก.สภ.ท่าศาลา, พ.ต.ท.นรากร เอียดช่วย รอง ผกก.ป.สภ.ท่าศาลา, พ.ต.ท.เกษมสิทธิ์ จำปาทอง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ท่าศาลา, พ.ต.ท.สมชาย มวยดี รอง ผกก.สส.สภ.ท่าศาลา, กำลังตำรวจชุดสืบสวน และตำรวจสายตรวจ

...

ต่อมา พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อม พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช, พ.ต.อ.ขจิตร คงปราบ รอง ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช, พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.กก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช, กำลังตำรวจสืบสวนจังหวัด และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ร่วมเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพบเจ้าของร้านทองยืนรอด้วยอาการตตกใจ จากการสอบสวนทราบชื่อคือ นางนวลศรี อมรศักดิ์ อายุ 66 ปี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ นั่งอยู่หน้าร้านเพียงลำพัง ส่วนลูกจ้างเดินไปเข้าห้องน้ำหลังร้าน ทันใดนั้นมีคนร้านเป็นชายฉกรรจ์ อายุประมาณ 25-30 ปี สูงประมาณ 160-165 ซม. แต่งกายสวมชุดดำทั้งชุด สวมหมวกกันน็อกเต็มใบ ขับขี่รถ จยย.ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีส้มดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดบนถนนหน้าร้าน จากนั้นคนร้ายได้ถืออาวุธปืนสั้นบุกเปิดประตุเข้ามาในร้าน แล้วเดินตรงมาที่ตนก่อนใช้ปืนจี้ขู่บังคับไม่ให้ขัดขืน และบังคับให้ตนหยิบสร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 3 เส้น และสร้อยข้อมือทองคำหนัก 3 บาท 2 เส้น รวมสร้อยข้อมือทองคำจำนวน 5 เส้น รวมน้ำหนัก 21 บาท มูลค่า 714,000 บาท แล้วเดินออกจากร้านไป ขี่รถ จยย.หลบหนีไปทางหน้าที่ว่าการอำเภอท่าศาลา แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางบ้านบ่อนนท์ ต.ท่าขึ้น ทันที หลังเกิดเหตุ นางนวลศรี เจ้าของร้านได้แจ้งญาติ และลูกน้องที่อยู่หลังร้านมาช่วยเหลือแต่ไม่ทัน จากนั้นจึงแจ้ง 191 ให้มาตรวจสอบดังกล่าว

หลังเกิดเหตุทางตำรวจชุดสืบสวนได้ระดมตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้าน และกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง พบว่าคนร้ายได้ขับขี่รถ จยย.คันก่อเหตุวนเวียนมาดูลาดเลาแล้วหลายครั้ง ซึ่งบนถนนบริเวณที่เกิดเหตุมีร้านทองอยู่ติดกันประมาณ 4-5 ร้าน แต่คนร้ายเลือกลงมือร้านดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่ามีเจ้าของร้านเป็นผู้หญิงสูงอายุนั่งอยู่ในร้านเพียงคนเดียว จึงทำให้ง่ายในการก่อเหตุ

ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรรมราช ได้สั่งระดมล่าตัวคนร้ายรายนี้ตามเส้นทางทุกจุดแต่ไร้วี่แวว ล่าสุดมีการพบรถ จยย.ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ขับไปจอดทิ้งไว้บริเวณสามแยกบินหลา ม.14 ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 5-6 กม. โดยคนร้ายได้ถอดชุดเสื้อผ้า และหมวกกันน็อกคที่สวมใส่ขณะก่อเหตุทิ้งไว้บนรถ จยย. เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะมีคนร้ายอีกคนขับขี่รถ จยย.มารับพาหลบหนีไป

ต่อมาเวลา 16.30 น. พ.ต.ท.ธีระพร ศักดิ์ศรี สวป.สภ.สภ.ท่าศาลา รับแจ้งพบรถ จยย.ของคนร้าย ยี่ห้อยามาฮ่า สีดำ ทะเบียน 2กข-4816 นครศรีธรรมราช ถูกนำไปจอดทิ้งไว้ที่บ้านเลขที่ 10 ม.14 ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช จึงนำกำลังไปตรวจสอบพบรถ จยย.คันดังกล่าวจอดทิ้งไว้บริเวณหน้าบ้าน โดยมีชุดเสื้อแจ็กเกตแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ หมวกกันน็อคกสีดำ และเสื้อเกราะกันกระสุน 1 ตัว วางอยู่ข้างรถ จยย. ส่วนผู้ต้องสงสัยก่อเหตุทราบชื่อคือ นายชัยวุฒิ เวทยาวงศ์ หรือวุด อายุ 54 ปี โดยหลังก่อเหตุได้ขับขี่รถ จยย.มาจอดทิ้งไว้ พร้อมถอดเสื้อผ้าออกก่อนเปลี่ยนชุด และเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไม่ทราบชนิด ขับหลบหนีออกไปจากบ้านอย่างรวดเร็ว

...

จากการสอบปากคำญาติๆ ทราบว่า นายชัยวุฒิ ผู้ต้องสงสัย มีอาชีพทำธุรกิจปลูกยาเส้นขายในหมู่บ้าน หลังก่อเหตุได้ขับขี่รถ จยย.มาจอดที่บ้านหลังดังกล่าว แล้วใช้ให้หลานชายขี่รถ จยย.พาไปส่งที่บริเวณสวนมังคุด หมู่บ้านชุมโลง ม.1 ต.สระแก้ว แล้วหายตัวไป คาดว่าจะเปลี่ยนรถอีกทอดหลบหนีไปยังพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านของภรรยา ซึ่งคาดว่าจะมีการวางแผนล่วงหน้าไว้เป็นอย่างดี โดยมีการถอดป้ายทะเบียนรถ จยย.และติดสติกเกอร์สีแดงด้านข้างรถเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ ก่อนกลับมาใส่ป้ายทะเบียนแล้วดึงสติกเกอร์ออก เพื่อพรางตาเจ้าหน้าที่อีกครั้ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัว นายชัยวุฒิ ผู้ต้องสงสัยรายนี้มาสอบสวนขยายผลต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับพื้นที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เกิดเหตุชิงทองมาแล้ว 2 ครั้ง ตั้งแต่ใหม่เป็นต้นมา ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วันที่ 1 ม.ค. 2567 ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้น นายศุภณัฐ พัฒน์ทอง อายุ 24 ปี ได้ก่อเหตุวิ่งราวสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 2 เส้น จากร้านทองเยาวราช กรุงเทพ ภายในห้างเทสโก้โลตัส สาขาอำเภอท่าศาลา แล้วหลบหนีไป แต่ถูกตำรวจ สภ.ท่าศาลา ตามจับกุมตัวเอาไว้ได้พร้อมของกลางทั้งหมดภายในเวลา 1 ชม. ส่วนเหตุชิงทองครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วของ อ.ท่าศาลา ในรอบ 9 วันที่ผ่านมา.