"ปวีณา" พาสาวร้อง "บิ๊กโจ๊ก" ล่าตัวหนุ่มอเมริกันโฉด ใช้แอปหาคู่หลอกให้รัก ซ้อมทำร้าย ลักทรัพย์ ข่มขู่คุกคาม แถมถ่ายคลิปขายเว็บโป๊ พร้อมประสานอินเตอร์โพลล่าตัว หลังพบออกนอกประเทศปลายทางเวียดนาม สั่ง ตม.เฝ้าระวังหากพบตัวตะครุบทันที
เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 67 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พาหญิงสาว 1 ใน 3 ราย เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังถูกหนุ่มอเมริกันล่าแต้มในแอปฯ หาคู่ หลอกคบหาสร้างฝันมีครอบครัวที่อบอุ่น ก่อนมีความสัมพันธ์แอบถ่ายคลิป ซ้อมทำร้าย ลักทรัพย์ ข่มขู่คุกคาม และเอาคลิปไปเผยแพร่ขายในกลุ่มต่างๆ โดยขอให้ติดตามตัวหนุ่มอเมริกันรายนี้มาดำเนินคดี เพราะถือเป็นภัยร้ายของผู้หญิง หวั่นเอาคลิปสาวๆ ไปขายในกลุ่มลับ คาดยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายไม่กล้าออกมาแจ้งความ
โดยเหยื่อเล่าว่า รู้จัก นายโทมัส อายุ 34 ปี อ้างเป็นทหารปลดประจำการ ผ่านทางแอปฯ หาคู่ เมื่อวัน 6 ธ.ค. มีการใช้ภาพเป็นทหารหน้าตาดีเข้ามาพูดคุยอยากสร้างครอบครัวและอนาคตด้วย จึงขอแต่งงานแต่ยังไม่ตัดสินใจ จึงคบหาเป็นแฟนกัน และเคยไปพบฝ่ายชายที่บ้านเช่าย่านนนทบุรี แต่ระหว่างคบหากันพบว่าฝ่ายชายอารมณ์ร้อน ถูกทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง จนสุดทนเมื่อขอเลิกก็ถูกทำร้ายร่างกาย กระทั่งโทรไปขอให้ตำรวจ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี มาช่วยเหลือ นอกจากนี้ฝ่ายชายยังได้เอาโทรศัพท์มือถือของจนไป แต่ไม่แน่ใจว่ากรณีของตนถูกแอบถ่ายคลิปไว้ขายเหมือนกับผู้เสียหาย 2 รายก่อนหน้านี้หรือไม่ หลังเกิดเหตุจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายโทมัส ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ที่ สภ.บางใหญ่ ซึ่งนายโทมัสจะเน้นหลอกผู้เสียหายเป็นหญิงสาวที่อยู่ในประเทศแถบเอเชีย มีการศึกษาดี หน้าตาดี และฐานะดี
...
นอกจากนี้เหยื่อยังเล่าถึงผู้เสียหายรายอื่นอีก 2 รายที่ถูกกระทำคล้ายกัน เพราะหลังเกิดเหตุได้รวมกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิงทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติในทวีปเอเชีย ซึ่งผู้เสียหายรายแรกถูกนายโทมัสหลอกลวงผ่านแอปฯ หาคู่ เช่นเดียวกันในปี 2565 นายโทมัสเดินทางมาที่ประเทศไทยช่วงเดือน เม.ย. และคบหากัน 4 เดือน ผู้เสียหายได้เช่าโรงแรมย่านพระโขนง และระหว่างนั้นนายโทมัสได้ทำร้ายพร้อมถ่ายคลิปไว้ ก่อนนำไปประจานผ่านทางโซเชียล ด้วยการสร้างแอ็กเคานต์ปลอม และส่งคลิปไปยังกลุ่มต่างๆ ซึ่งผู้เสียหายรายที่ 2 ก็ถูกกระทำในลักษณะเดียวกัน แต่รายนี้ถูกหลอกให้จดทะเบียนสมรสด้วย และยังถูกขโมยสร้อยคอทองคำน้ำหนักสองสลึงไปด้วย จึงได้แจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพยายามขอฟ้องหย่า ทำให้นายโทมัสไม่พอใจ และเอาคลิปไปประจานในพื้นที่ส่วนตัวและที่ทำงาน ทำให้ต้องย้ายไปอยู่ที่ จ.ภูเก็ต นอกจากนี้ยังพบผู้เสียหายที่เป็นชาวต่างชาติ เช่น ชาวอินโดนีเซีย และญี่ปุ่นอีกด้วย
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คนร้ายจะใช้แผนประทุษกรรมเดิมๆ ในลักษณะคล้ายกับแก๊งโรแมนซ์สแกมหลอกให้รักออนไลน์ กรณีนี้เป็นการรู้จักกันผ่านทางแอปฯ หาคู่ เนื่องจากรู้จุดอ่อนกลุ่มคนที่อยู่ในแอปฯ เป็นคนโสด และต้องการผู้ชายมาดูแล มีการสร้างสตอรี่ต่างๆ หลอกสร้างอนาคต หลอกมีความสัมพันธ์ ถ่ายคลิปไปขายในเว็บโป๊ มีรายงานว่า นายโทมัส ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ปลายทางที่เวียดนาม ตั้งแต่เมื่อวานนี้ จึงสั่งการให้ตำรวจ สภ.บางใหญ่ เร่งรัดในการออกหมายจับ พร้อมประสานอินเตอร์โพลในการล่าตัวมาดำเนินคดี ขณะเดียวกันได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเฝ้าระวังการเดินทางเข้าของ นายโทมัส หากพบตัวให้จับกุมทันที
นอกจากนี้ รอง ผบ.ตร.ยังเตือนภัยสาวไทยให้ตรวจสอบประวัติของชายหนุ่มที่รู้จักกันผ่านแอปฯ หาคู่ให้ดีก่อนตัดสินใจคบหากัน เพราะอาจตกเป็นเหยื่อถูกหลอกถูกถ่ายคลิปไปประจานเพื่อเรียกร้องทรัพย์สิน หรือถูกนำคลิปไปแบล็กเมล์ขายในช่องทางต่างๆ จากการตรวจสอบประวัติพบนายโทมัสเดินทางเข้าออกไทยตั้งแต่ปี 2565 ใช้วีซ่าท่องเที่ยว เฉลี่ยเดินทางเข้าออกไทยปีละ 3-4 ครั้ง ครั้งละ 15 วัน นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมที่สหรัฐฯ พบว่ามีประวัติลักทรัพย์ด้วย.