"รองผู้การนนท์" เผยผลชันสูตร "น้องนาย" พบเศษอาหารติดค้างในหลอดลม ไม่พบบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายจนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิต เบื้องต้นแจ้งข้อหา "พ่อเลี้ยง-แม่เลี้ยง" ส่วน "ปู่อู๊ด" รอด แย้มสองสามีภรรยายังปกปิดบางอย่างอยู่ ขอสอบละเอียดอีกครั้ง 

ความคืบหน้าคดีพบร่างน้องนาย หรือ ด.ช.ธีรพงษ์ ดวงงาม วัย 2 ขวบ เสียชีวิตเป็นศพอยู่ในตู้เย็น ภายในห้องนอนของ นายหาญณรงค์ หรือแบงค์ ไพรพนม พ่อเลี้ยง และ น.ส.มาริสา หรือก้อย ทองเอี่ยม แม่เลี้ยง ที่บ้านพักเลขที่ 2/613 ซอย 11/2 หมู่ 4 ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อวานนี้ 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ม.ค.67 พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งผลการตรวจชันสูตรพลิกศพของ น้องนาย หรือ ด.ช.ธีรพงษ์ ดวงงาม วัย 2 ขวบเศษ ที่พบเป็นพบเสียชีวิตอยู่ในตู้เย็นว่า พบก้อนข้าวเหนียวเข้าไปอุดตันอยู่ในหลอดลม จนเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตลง ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของพ่อเลี้ยงกับแม่เลี้ยงเด็ก รวมทั้ง นายสมบุญ พมนไพร หรือ ปู่อู๊ด ซึ่งเป็นผู้นำข้าวเหนียวส่งให้เด็กกิน โดยผลชันสูตรของแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สรุปการเสียชีวิตพบเศษอาหารติดค้างในลำคอ ไม่พบบาดแผลที่ทำให้เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ

พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เปิดเผยว่า รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เผยผลชันสูตรว่าพบเศษอาหารติดค้างในลำคอ ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยถูกทำร้ายที่เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิต สำหรับคดีนี้เบื้องต้นได้ดำนินคดีกับสองสามีภรรยาที่รับเด็กที่เสียชีวิตมาเลี้ยง ข้อหาในเบื้องต้นคือ "ไม่แจ้งเหตุ, ซ่อนเร้นอำพรางศพ" และตัวสามีพบสารเสพติด จากการสอบปากคำพฤติกรรมการนำศพเด็กไปซุกซ่อนในตู้เย็น ผู้ต้องหาอ้างว่าตกใจทำอะไรไม่ถูก เพราะเด็กเคยมีบาดแผลมีร่องรอยการถูกกัด เกรงว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตำรวจดำเนินคดีจึงนำศพมามัดอำพราง ส่วนแผลที่ถูกกัดเกิดจากนายแบงค์เป็นคนกัด ส่วนคุณปู่ก็ให้ข้าวเหนียวเด็กกินเป็นธรรมดาและเป็นผู้พิการ มีพยานว่าเขาเลี้ยงดูรักเด็กคนนี้ ตำรวจก็ยังไม่ตัดประเด็น ยังต้องสืบหาข้อเท็จจริงอธิบายให้สังคมได้รับทราบต่อไป

...

พ.ต.อ.สมพล กล่าวต่อว่า ตอนนี้รอผลการชันสูตรพลิกศพอย่างเป็นทางการ และการสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ และพยานแวดล้อมให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง มีบางอย่างที่ให้การเป็นประโยชน์ บางอย่างก็ยังปกปิดไว้ จะต้องขอสอบอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้แจ้งข้อหาแค่ 2 สามีภรรยา ส่วนนายอู๊ดยังไม่ถึง ซึ่งคำให้การของพยานสอดคล้องกับคำให้การของนายอู๊ดในบางส่วน และนายแบงค์ยังมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย จึงดำเนินคดีเพิ่มไป

"การสอบสวนสองสามีภรรยาบางอย่างให้การเป็นประโยชน์ บางอย่างยังปกปิดอยู่ ต้องมีการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ยังต้องสอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติมอีกกับคนที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดู และพฤติการณ์หลังเกิดเหตุ ส่วนประเด็นประมาทจนถึงแก่ความตายนั้น ต้องมีการสอบเพิ่มเติมว่ามีเข้าข่ายหรือไม่ ถ้ามีเกี่ยวพันอาจจะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อหาใครเพิ่ม ตัวปู่อู๊ดนั้นสอบแล้วยังไม่ถึงกับแจ้งข้อหา ส่วนน้องนายแบงค์ต้องเรียกมาสอบเพิ่มเติม ตอนนี้สอบปากคำพยานไปได้เป็นจำนวนมากแล้ว ส่วนใหญ่คำให้การสอดคล้องกันไปในทางข้าวเหนียวติดคอ น้ำหนักคดีไปในทางอุบัติเหตุได้" พ.ต.อ.สมพล กล่าว

พ.ต.อ.สมพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนที่พ่อเด็กจะแจ้งความ เพราะยังสงสัยว่าถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตนั้น ก็สามารถทำได้เป็นสิทธิ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนการซ่อนเร้นอำพรางศพ ผิดแน่นอน โดยสองสามีภรรยาทั้งคู่มีส่วนร่วมรู้เห็น ตำรวจจะดำเนินคดีไป ส่วนที่เมื่อเด็กเสียชีวิตแล้วไม่แจ้งการตาย สองสามีภรรยาอ้างว่าตกใจนั้น ตำรวจได้สอบปากคำในหลายประเด็น ขอปิดไว้ก่อน รวมทั้งสาเหตุที่รับเด็กมาเลี้ยงด้วย

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่งฝากขังศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อดำเนินคดีต่อไป