พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เผยแจ้ง 2 ข้อหา ไม่แจ้งการตาย-ปิดบังซ่อนเร้น "แบงค์-ก้อย" 2 ผัวเมีย อำพรางศพลูกบุญธรรม 2 ขวบแช่ในตู้เย็น ขณะที่พ่อแท้ๆ ไม่เชื่อ ลูกชายกินข้าวเหนียวแล้วติดคอตาย บอก "แบงค์เขามีพฤติกรรมก้าวร้าว อารมณ์ร้อน"
จากกรณีพบศพ “น้องไนซ์” เด็กชายวัย 2 ขวบ เสียชีวิตถูกห่อผ้ายัดร่างไว้ในตู้เย็นภายในห้องนอนของนายแบงค์ และน.ส.ก้อย สองสามีภรรยาซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยง โดยสภาพศพขึ้นอืด ตายมาแล้วประมาณ 3-4 วัน เหตุเกิดในบ้าน ภายในหมู่บ้านย่านรัตนาธิเบศร์ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
จากการชันสูตรศพของแพทย์ พบว่าร่างเด็กถูกห่อด้วยผ้าปูที่นอนยัดอยู่ในกระเป๋าผ้าอีกทีหนึ่ง สภาพศพขึ้นอืดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน พบรอยช้ำเหมือนรอยถูกกัดที่น่องขาทั้งสองข้าง และท่อนแขนซ้าย 1 แห่ง มีสายสิญจน์พันรอบตัว
ขณะที่ทางตำรวจไม่ปักใจเชื่อเด็กชายวัย 2 ขวบ เสียชีวิตเพราะข้าวเหนียวติดคอตามคำให้การของแม่เลี้ยง พบพิรุธอำพรางศพซ่อนในตู้เย็น จ่อแจ้งข้อหาซ่อนเร้นทำลายศพ พบประวัติ "พ่อ-แม่บุญธรรม" ที่รับมาเลี้ยง ติดยาเสพติดทั้งคู่ ซึ่งปู่ที่อยู่บ้านเดียวกัน เผยเด็กถูกทำร้ายประจำ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
...
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 6 ธันวาคม 2567 ที่ สภ.บางบัวทอง นายหาญนรงค์ หรือแบงค์ อายุ 31 ปี ได้นั่งรถแท็กซี่เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะเดินขึ้นไปห้องสอบสวน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเลย
ต่อมา 15.30 น. พล.ต.ต.ปรารถนา แผ่นผา ผบก.ภ.จว.นนทบุรี กล่าวว่า เท่าที่สอบปากคำผู้ต้องหา อ้างว่าการเสียชีวิตของเด็ก เกิดจากการที่ นายอู๊ด (ปู่) ซึ่งเป็นคนแก่ อายุ 60 กว่าเกือบ 70 ปี ตาบอดไม่ค่อยรู้อะไร ป้อนอาหารเด็ก ซึ่งโดยปกติแล้วเด็กจะกินข้าวเหนียวคำเล็กๆ พอกินข้าวเหนียวเสร็จก็อาจจะมีการติดลำคอ อาจจะเข้าไปอุดหลอดลม และที่ไม่กล้าเอาเด็กไปส่งโรงพยาบาลเพราะกลัวความผิด ซึ่งเด็กมาอยู่ในบ้านแล้วเกิดเสียชีวิต เขาคงไม่มีความรู้ทางกฎหมาย และอาจจะเกิดความกลัว ถ้าโดยปกติแจ้งมา สามารถชันสูตรได้ว่าเสียชีวิตจากอะไร
จากการที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบสวนปากคำ เขาบอกว่าตอนที่แบงค์เขย่าตัว มีข้าวเหนียวหล่นลงมาจากมือเด็กที่กำไว้ จากปากเด็กก็หล่นลงมา อันนี้เราไม่ได้เชื่อคำให้การของผู้ต้องหาได้อย่างสนิทใจ ขณะนี้เรารอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่วนผู้ที่ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพก็จะเป็นนายแบงค์และภรรยาของแบงค์ ซึ่งเด็กเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 2 แล้ว แต่เขายังไม่ได้เอาเข้าตู้เย็น จนกระทั่งเริ่มมีกลิ่น ด้วยสามัญสำนึกของเขาเมื่อมีกลิ่นแล้วก็เอาเข้าตู้เย็น ก็จะรักษาสภาพได้ไม่เหม็น เพิ่งเอาเข้าตู้เย็นเมื่อเช้าวันนี้เอง
ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เผยอีกว่า เท่าที่สอบถาม เขาบอกว่าช่วงที่เด็กดื้อเขาก็จะตีบ้างเป็นการสั่งสอนตามปกติ และเขาก็รับสารภาพว่า เวลาเด็กดื้อมีตีบ้างมีกัดบ้าง ซึ่งตรงนี้เป็นพยานหลักฐานทั้งหมดที่เราต้องตรวจ แต่เท่าที่ดูร่องรอยต่างๆ ไม่ถึงกับทำให้เสียชีวิต แต่จะเป็นสาเหตุหนึ่ง ตำรวจเราก็ไม่ได้เชื่อปากคำของผู้ต้องหาโดยตรง เมื่อตีได้กัดได้ ก็อาจจะทำร้ายร่างกายอย่างอื่นได้ ต้องรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมด ส่วนสิ่งที่พบในบ้านเป็นตามธรรมชาติของบ้านอยู่แล้วที่มีไม้มีมีดมีทุกอย่างในบ้าน จะเกี่ยวกับการเสียชีวิตหรือไม่ต้องรอผลการตรวจ เราตรวจทุกอย่างหมด
ส่วนการจะใช้เชือกหรือใช้สายสิญจน์มัด ผมเชื่อว่าเด็กตัวแข็ง แล้วเวลาที่ต้องการจะห่อก็ต้องใช้บางสิ่งบางอย่างมัด เพื่อเอาผ้าห่ม ถ้าไม่อย่างนั้นจะนำเข้าตู้เย็นไม่ได้ ตรงนี้ผู้ต้องหาก็ไม่ได้บอกอะไร บอกเพียงแต่ว่า หาอะไรได้ก็เอามามัดเลย
ข้อหาที่จะแจ้งคือ 1.การไม่แจ้งการตาย 2.ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ แก่ น.ส.มาริสา หรือก้อย อายุ 26 ปี และนายหาญณรงค์ หรือแบงค์ อายุ 31 ปี สามี เบื้องต้นแค่นี้ก่อนทั้งสองคน แต่ถ้าผลการชันสูตรออกมาชัดเจนจะว่ากันอีกครั้งหนึ่ง หากพบก็มีร่องรอยการทำร้ายก็ต้องแจ้งคนที่ทำร้ายร่างกาย เท่าที่ทราบก็มีแบงค์เป็นคนทำร้ายร่างกาย แต่อาจจะเป็นคนละวันละกับครั้งนี้ ส่วนจะเป็นการฆาตกรรมหรือไม่นั้น ต้องรอผลการพิสูจน์เพราะศพเด็กตรวจค่อนข้างยาก ศพค่อนข้างจะเน่าแล้ว
...
ส่วนจะมีความผิดถึงใคร ต้องว่ากันอีกครั้งหนึ่งในเบื้องต้นแค่นี้ก่อน ทั้งหมดเราจะสอบปากคำและเก็บหลักฐานทั้งหมด นางยุพาแม่ของก้อยอยู่ด้วยกันกับเด็ก แล้วเด็กมานอนกับก้อย โดยแบงค์ออกไปซ่อมรถข้างนอก จนก้อยทำอะไรไม่ถูกแล้วจึงตามแบงค์มา การที่ไม่นำส่งเด็กไปโรงพยาบาล คือข้อพิรุธอย่างหนึ่งซึ่งเราจะสอบสวนต่อ ตำรวจไม่ได้เชื่อแค่นี้ ต้องมีอะไรมากกว่านี้ กำลังขยายผลต่อ
นายนพรัตน์ อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ พ่อแท้ๆ ของ “น้องไนซ์” เด็กชายวัย 2 ขวบ ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า แบงค์ รู้จักกันในฐานะเป็นเพื่อน ผมทำงานไม่มีเวลาดูแลเด็ก นายแบงค์ได้ขอลูกไปดูแลได้ประมาณ 2 เดือน ตอนผมทำงานผมก็โอนให้ในแบงค์วันละ 500 บาทเป็นค่าเลี้ยงลูก แล้วตอนที่ผมเลี้ยงดูลูกก็ไม่เคยปล่อยปละ ที่ไว้ใจแบงค์เพราะเห็นว่าเขารักเด็ก ประกอบกับอีกอย่างผมไม่มีเวลาดูแลลูก ที่ให้ลูกไปอยู่กับก้อยและแบงค์เพราะสงสารเด็ก ผมไม่มีเวลาดูแล ล่าสุดได้เจอกับลูกเมื่อเดือนที่แล้ว
นายนพรัตน์ กล่าวอีกว่า ระหว่างที่แบงค์เขารับลูกไปดู ได้อัปเดตส่งรูปให้ดูตลอด และหลายครั้งผมเข้าไปหาลูก เขาก็บอกว่าลูกไม่อยู่ตลอด ปกติผมจะให้เขาพาลูกออกมา แต่ช่วงหลังนี้เขาจะบ่ายเบี่ยงว่าลูกไปอยู่ที่บ้านแม่เขา ตั้งแต่ปีใหม่ที่ผ่านมา ส่วนที่เขาบอกว่า ข้าวเหนียวติดคอผมไม่เชื่อ ผมเชื่อว่าเขาคงฆ่าลูกผม ผมไม่ได้ถามเขา ผมไม่คุยแล้ว ที่มั่นใจเพราะว่าลูกผมรู้ทุกเรื่อง ตอนผมรู้เอง ลูกก็กินข้าวเหนียวได้ กินได้ทุกอย่างไม่มีติดคอ
...
“ผมพึ่งรู้วันนี้เมื่อเช้าว่าลูกเสียชีวิต ทำไมไม่บอกผมตั้งแต่วันแรก โดยผมรู้จากข่าว ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ แบงค์เขามีพฤติกรรมก้าวร้าวอารมณ์ร้อน”