ตำรวจ-อัยการ เชื่อสำนวนคดี เป้รักผู้การ 140 ล้าน เสร็จทันกำหนด ขอเวลาตรวจสอบเพื่อความรอบคอบ ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่มีเลือกข้าง ผิดถูกว่าไปตามพยานหลักฐาน


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ธ.ค. 66 ที่ห้องประชุมชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ประจำ ตร. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. เข้าร่วมประชุมพร้อมชุดคณะทำงานตรวจสอบ หรือกำกับการสอบสวน คดี พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ กับพวก ร่วมรีดไถเงินเครือข่ายเว็บพนัน 140 ล้านบาท 


ต่อมาเวลา 12.20 น. ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.ท.อัครเดช  ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าทางคดีว่า เนื่องจากคดีดังกล่าวมีเรื่องของ พ.ร.บ.อุ้มหาย เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงต้องมีตัวแทนจากอัยการมาเข้าร่วมในคณะ เพื่อให้เกิดความรอบคอบ รัดกุม และเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งการประชุมในครั้งนี้จึงจัดขึ้นเพื่อร่วมกันหารือกำหนดกรอบทิศทาง และดูความเรียบร้อยของสำนวนคดี รวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับข้อกฎหมายต่างๆ ที่เป็นประโยชน์จากทางอัยการ 

...


"ในส่วนของความคืบหน้าทางคดี ขณะนี้มีการสอบปากคำพยานต่างๆไปแล้วทั้งหมด 127 ปาก มีผู้ต้องหาทั้ง 29 ราย แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 16 ราย และพลเรือนอีก 13 ราย"ผช.ผบ.ตร. กล่าว 


ด้าน นายวัชรินทร์ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีตามหลักกฎหมาย พ.ร.บ. อุ้มหาย มาตรา 31 กำหนดให้อัยการเข้าร่วมสอบสวน ซึ่งที่ผ่านมาทางอัยการก็ได้ส่งตัวแทนมาเข้าร่วมคณะทำงานโดยตลอดตั้งแต่สมัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยังเป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งมีการรวบรวมพยานหลักฐานจนมีความคืบหน้าไปพอสมควร ส่วนการมาเข้าร่วมประชุมในวันนี้ก็เพื่อมาช่วยกันหารือทิศทางความคืบหน้าทางคดี เบื้องต้นยังคงต้องหาหลักฐาน หรือสอบปากคำพยานเพิ่มเติมในบางส่วน จำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะ เพื่อให้สำนวนมีความรอบคอบชัดเจน ถึงตอนนั้นจึงจะสามารถสรุปแน่ชัดได้ว่าใครจะถูกดำเนินคดีบ้าง ส่วนกำหนดการสรุปสำนวนคดีเชื่อว่าจะแล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลา ยืนยันไม่มีการแบ่งฝ่าย หรือให้การช่วยเหลือใคร ทำตามหลักฐานเป็นที่ตั้ง.