กก.4 บก.ปปป. บุกรวบ "อดีต ผอ.กองคลัง" อบต.ซี 7 เมืองสองแคว หนีซุกวัดนานกว่า 8 ปี หลังโกงเงินโครงการเศรษฐกิจชุมชนเข้ากระเป๋าตัวเอง พ้อเจ้าตัวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของขบวนการฉ้อราษฎร์บังหลวง ซัดยังมีผู้ได้รับผลประโยชน์อีกหลายคนลอยนวลอยู่
เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้วยเมื่อประมาณปี พ.ศ.2558 เกิดเหตุการณ์ผู้อำนวยการกองคลัง ระดับซี 7 ของ อบต.แห่งหนึ่งใน จ.พิจิตร ถูกไล่ออก ด้วยมีหน้าที่รับชำระหนี้เงินยืมตามโครงการเศรษฐกิจชุมชน แล้วไม่นำเงินจำนวนดังกล่าวฝากเข้าบัญชีโครงการ และไม่ทำการบันทึกบัญชีรายรับ-จ่าย ก่อความเสียหายต่อรัฐหลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนหลายแสนบาท อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่รับเงินเบิกจ่ายเงินฝากเงิน เก็บรักษาเงินที่ได้รับชำระหนี้ตามโครงการ เบียดบังเอาเงินเป็นของตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ความคืบหน้าคดีดังกล่าว พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) จึงได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผกก.4 บก.ปปป.) พร้อมทีมงานลงพื้นที่สืบสวนจับกุมผู้ต้องหาในกรณีดังกล่าว เนื่องจากได้รับประสานหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 จากสำนักงาน ป.ป.ท. มาอีกส่วนหนึ่งว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี
ล่าสุดวันที่ (19 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปปป. นำโดย พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป., พ.ต.ท.ไสว จันทร์มา สว.กก.4 บก.ปปป. และ พ.ต.ต.อัครพล ปัทมานุสรณ์ สว.กก.4 บก.ปปป. พร้อมพวก ได้ลงสืบสวนติดตามจนพบว่า น.ส.เอ (นามสมมติ) อดีตเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้หลบหนีซุกซ่อนอยู่ที่วัดในจังหวัดใกล้เคียงมานานกว่า 8 ปี จึงนำเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสนับสนุนโดย นายสุภาพ ศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ เขต 6 ร่วมกันบุกจับผู้ต้องหาคาวัด แสดงหมายยืนยันตัวบุคคลชัดเจนแล้ว ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจริง
...
โดย พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. กล่าวว่า น.ส.เอ มาอาศัยอยู่โดยอ้างว่าเคยเป็นผู้อำนวยการกองคลังที่โกงเงินไปจริง ชดใช้เงินคืนให้จนครบแล้ว แต่ยังต้องถูกดำเนินคดีอาญาและทางวินัยอยู่ จึงหลบหนีมาอาศัยวัดและเปลี่ยนชื่อหนีการดำเนินคดีอาญาและปกปิดตัวเอง สุดท้ายยังไม่มีงานทำ เชื่อว่าหากช่วยเหลือวัดจะดวงดีขึ้นและไม่ถูกจับ โดยอ้างอีกว่าตนเองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของขบวนการฉ้อราษฎร์บังหลวง ยังมีผู้ได้รับผลประโยชน์อีกหลายคนและยังคงลอยนวลอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. จะทำการสืบสวนจับกุมต่อไป จากนั้นจึงคุมตัวผู้ต้องหาส่ง สภ.พรหมพิราม พื้นที่จับกุม เพื่อส่งศาลอาญาคดีทุจริคภาครัฐ ภาค 6 จ.พิษณุโลก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.