สุดเวทนา สองตายายพิการหูหนวกตาบอด ร้องขอความช่วยเหลือตำรวจกองปราบ หลังถูกลูกสาวขับไล่ออกจากบ้าน ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ยันไม่ได้มีเจตนาจะดำเนินคดีกับลูกสาว

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 ธ.ค. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายประเสริฐ ศรีกรุงไกร อายุ 76 ปี พร้อม น.ส.ดวงพร มหัทธนะพฤทธิ์ อายุ 75 ปี สองสามีภรรยา ผู้พิการทางสายตาและหู ชาวบ้านในพื้นที่ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ณัฐนันท์ จะสูงเนิน รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ หลังถูกบุตรสาวแท้ๆ ไล่ออกจากบ้านจนไม่มีที่พักอาศัย 

น.ส.ดวงพร กล่าวว่า ตนและสามีเป็นผู้พิการทางสายตาและหู ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมานานกว่า 50 ปี มีลูกด้วยกันทั้ง 4 คน แต่ลูกชายคนโตถูกไฟช็อตเสียชีวิตไปกว่า 20 ปี จากนั้นหลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ลูกสาวอีกสองคนก็ได้ขอแยกตัวไปใช้ชีวิตของตนเอง ไม่เคยติดต่อมาหา จึงเหลือเพียงตน สามี และลูกสาวอีกคนหนึ่ง ซึ่งทำงานเป็นพยาบาลรับจ้างเฝ้าไข้ ที่ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน โดยเช่าบ้านพักอาศัยอยู่ด้วยกันในหมู่บ้านช้างทอง ซ.37 รังสิต-นครนายก 51 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ในราคาเดือนละ 4,000 บาท ซึ่งเงินที่นำมาจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ หลักๆ จะเป็นเงินคนพิการและเงินคนชราของตนและสามี นานๆ ทีจะมีบ้างที่ลูกสาวมาช่วยจ่าย ส่วนเรื่องการกินอยู่ ก็จะเป็นต่างคนต่างหากันเอง ไม่ได้พึ่งพาอาศัยกัน ตนกับสามีอาศัยว่ามีเพื่อนบ้านดี คอยหาข้าวหาน้ำมาให้กิน จึงพอเอาชีวิตรอดไปได้ในแต่ละวัน 

...

“กระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าลูกสาวตนเกิดไปเครียดจากเรื่องอะไร อยู่ๆ ก็ได้ต่อว่าด่าทอตนในลักษณะว่าเป็นภาระ เกาะลูกกิน ก่อนจะไล่ให้เก็บของออกจากบ้าน จนทำให้ตนและสามีกลายเป็นคนไร้บ้าน ไม่มีที่อยู่ ไม่มีเงิน ไม่มีข้าวกิน จึงตัดสินใจนำเงินที่ชาวบ้านช่วยเหลือให้มา 100 บาท นั่งรถแท็กซี่เดินทางมายังกองปราบเพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร” 

“ยืนยันว่าการมาเข้าพบตำรวจในวันนี้ไม่ได้มีเจตนาจะดำเนินคดีกับลูกสาว เพียงแค่อยากขอความช่วยเหลือจากตำรวจเพียงเท่านั้น เพราะรู้ดีว่าหากเป็นคดีความ ลูกของตนก็จะได้รับความเดือดร้อน เขากำลังจะมีอนาคตที่ดี กำลังจะได้ไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่อยากให้อนาคตเขาต้องเสียเพียงเพราะเรื่องของตน” น.ส.ดวงพร กล่าวทั้งน้ำตา

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ หลังรับเรื่องได้โทรศัพท์ติดต่อไปหาบุตรสาวของสองตายาย แต่ปรากฏว่าไม่สามารถติดต่อได้ จึงได้ประสานไปยัง สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ พร้อมทั้งจัดหาอาหารน้ำดื่มให้กับสองตายายได้รับประทานรองท้อง ก่อนพาขึ้นรถกลับไปส่งยังบ้านพักใน จ.ปทุมธานี เพื่อเจรจาแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งในครอบครัวของตายายต่อไป.