ป้าวัย 56 ผู้ดูแลแมนชั่น ขอแก้ข่าวหนุ่มเมาทุบห้องสาวปริญญาเอก ไม่ใช่ผัว เป็นแค่ผู้เช่า เจ้าของแมนชั่นสั่งย้ายออกไปแล้ว เพราะเป็นบุคคลอันตราย ขณะที่ผู้เป็นพ่อสุดหดหู่และเสียใจ อยากรู้ว่าเจตนาแรกคืออะไร เป็นเรื่องจอดรถ จยย.ทับที่จริงหรือไม่ หรือมีเจตนาอื่นใด

จากกรณีเหตุสลด น้องเฟิร์น นักศึกษาสาวปริญญาเอก พยายามหนีจากคนเมาอาละวาดใช้ถ้อยคำส่งเสียงดังโวยวาย ที่พยายามบุกทุบห้องพักกลางดึก จนกลายเป็นเหตุสลดพลัดตกจากแมนชั่นลงมาเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่ผู้เป็นพ่อร้องขอความเป็นธรรมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมเปิดเผย ลูกสาวเป็นคนกลัวเสียงดังมาตั้งแต่เด็ก

ต่อมาเมื่อเวลา 13.10 น. วันที่ 17 ธันวาคม 2566 นายนิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้พานายสมชาย สีชำนาญ อายุ 60 ปี พ่อของ น.ส.อาภาภรณ์ สีชำนาญ หรือน้องเฟิร์น อายุ 27 ปี นักศึกษาปริญญาเอก ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน ที่เสียชีวิตตกจากห้องพักชั้น 6 แมนชั่นแห่งหนึ่งภายในซอยลาดปลาเค้า 3 ไปดูจุดเกิดเหตุ 

โดยพบว่าอาคารดังกล่าวสูง 7 ชั้น จุดที่ น.ส.อาภาภรณ์ ตกลงมาอยู่ที่ห้องพักชั้น 6 ระหว่างกำลังปีนหนีไปห้องข้างๆ ทางระเบียงหลังห้อง แต่ปรากฏว่าห้องด้านข้างติดระแนงสีดำกันนกไว้ ทำให้น้องเฟิร์นพลัดตกมาที่หลังคากันสาดชั้น 1 แล้วร่างหล่นทับใส่รถ จยย.ฮอนด้า รุ่นคลิก สีขาว-เทา ทะเบียน อธธ 268 กรุงเทพมหานคร ก่อนหน้าจะตกลงพื้นเสียชีวิต 

ภายหลังนายสมชาย กล่าวว่า ตนคิดว่าลูกคงได้ยินเสียงแล้วตกใจกลัวอย่างมาก จนตัดสินใจปีนหนี ทำให้เกิดเหตุดังกล่าว ตนรู้สึกหดหู่และเสียใจ เห็นว่าระเบียงหลังห้องไม่มีอะไรปิดกั้น อยากฝากสื่อมวลชน ช่วยติดตามคดีกับทางตำรวจ ตนอยากรู้ว่าเจตนาแรกของเขาคืออะไร เป็นเรื่องจอดรถ จยย.ทับที่จริงหรือไม่ หรือมีเจตนาอื่นใดกันแน่ 

...

ต่อมา "ป้าสา" อายุ 56 ปี (ไม่เปิดเผยชื่อ) ผู้ดูแลแมนชั่น ออกมาแสดงความเสียใจกับนายชำนาญ พร้อมกล่าวว่า วันเกิดเหตุฝ่ายชายโทรมาหาตนเรื่องจอดทับที่จอดตัวเอง ด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง แต่ตนไม่ทราบว่าเขามีอาการเมาสุรา ตนนึกไม่ออกว่ารถใครจอดทับที่ พูดกับตัวเองว่าอาจจะเป็นห้องที่ชั้น 6 จึงแจ้งให้รอก่อน จะตรวจสอบให้ แต่เขากลับขึ้นไปที่ห้องน้องเฟิร์นทันที หลังเกิดเหตุเจ้าของแมนชั่นสั่งให้เขาย้ายออกไปทันที ผู้ก่อเหตุเป็นลูกบ้านอยู่ชั้น 2 ไม่ได้เป็นคนดูแลแต่อย่างใด 

อยากให้ความจริงให้มันถูกต้อง ไม่ใช่สามีคนดูแล ไม่ใช่สามีตน ตนเป็นคนดูแลสถานที่ ที่จอดรถ จยย.ผู้พักอาศัยส่วนใหญ่จะทราบว่าเป็นที่เขาจอดรถประจำ ตนไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น เรื่องเกิดจากความเมา อารมณ์ และขาดสติ ให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนในชีวิต คนอารมณ์ร้าย อารมณ์รุนแรง มันจะทำร้ายตัวเขาเอง อยากให้สำนึกผิด ตัวผู้ชายอยากขอโทษพ่อกับแม่น้องเฟิร์น แต่เขากลัวความปลอดภัยเลยไม่ได้ไปร่วม แต่หลังจากเคลื่อนย้ายร่างน้องไป ผู้ก่อเหตุได้นำพานมากราบขอขมาน้องตรงจุดเกิดเหตุ 

ป้าสา กล่าวว่า สุดท้ายขอชี้แจงว่าผู้ก่อเหตุนอกจากความมึนเมา ขาดสติแล้ว ยังขาดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจากความเข้าใจผิด ทั้งนี้ เขาไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ในห้อง ผู้ก่อเหตุอยู่แค่บริเวณประตูห้อง มีสายยูล็อกไว้ หลังเกิดเหตุเขาสำนึกผิด แต่เจ้าของให้ออกตั้งแต่วันรุ่งขึ้นทันที เพราะเป็นบุคคลอันตราย ตนไม่คิดว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ ปกติเขาไม่ได้อารมณ์รุนแรงแบบนี้ คิดว่าน่าจะเมามาก หลังได้ชี้แจงกับพ่อ ตนสบายใจขึ้นว่าความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากตัวบุคคล ทางอาคารผิดตรงไม่สามารถคุมสถานการณ์ได้ ทางเจ้าของได้ช่วยเหลือเงินทำศพของน้องเฟิร์น วันนั้นถ้าตนอยู่คงไม่เกิดเหตุเช่นนี้ 

สำหรับผู้ก่อเหตุบุกทุบห้อง น.ส.อาภาภรณ์ คือ นายสมมาตร ชูเชิด ขับขี่รถ จยย. ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นเอ็กซ์แม็กซ์ 300 สีดำ ทะเบียน 3 ขศ 796 กรุงเทพมหานคร.