ตำรวจเชียงใหม่รวบแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทองคำน้ำหนัก 300 บาท จากร้านทองในห้างดัง สาขาอำเภอฝาง พบเป็นลูกเขยเจ้าของสวนส้มชื่อดัง ฐานะร่ำรวย ข้ามเอาทองไปขายฝั่งประเทศเพื่อนบ้านในราคาเพียง 4 ล้านบาท และนำเงินสดกลับมาก่อน 1.5 ล้านบาท อ้างก่อเหตุ เนื่องจากต้องการเอาเงินไปลงทุนเทรดหุ้น และบิตคอยน์
จากกรณีที่มีคนร้ายเป็นชายไทยไม่ทราบชื่อ สวมหมวกกันน็อก ใส่เสื้อสีดำแขนยาว กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีดำ ถืออาวุธปืน ใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อเวฟ (ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน) เป็นพาหนะ มาจอดบริเวณลานจอดรถห้างโลตัส สาขา อ.ฝาง เดินเข้าไปที่ร้านทอง จากนั้นได้เอาทองจำนวน 4 ถาด รวมกว่า 80 เส้น น้ำหนักประมาณ 300 กว่าบาท มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ก่อนวิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ เวฟสีดำ หลบหนีไป ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 18.40 น. วันที่ 12 ธันวาคม 2566 พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.นพฤทธิ์ กันทา ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมชุดสืบสวนจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่ บุกเข้าทำการจับกุมตัวนายธัชเศรษฐ์ เชษฐาวัฒนานุกุล อายุ 37 ปี บ้านอยู่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ต้องหาตามหมายศาลเลข 173/2566 ในข้อหา "ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม และพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต" พร้อมของกลางเงินสดกว่า 1.4 ล้านบาท
...
พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุคนร้ายถือปืนบุกเดี่ยวชิงทองในห้างที่ อ.ฝาง ทางตำรวจได้ติดตามสืบสวนสอบสวน ก็พบว่าเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายหายไปที่บ้านหรูแห่งหนึ่งอยู่ใกล้กับสวนส้มชื่อดัง และพบว่าแม้คนร้ายจะใส่ชุดคลุมอำพราง แต่ใส่รองเท้ายี่ห้อดัง ราคาแพง
และต่อมาพบว่านายธัชเศรษฐ์ ผู้ต้องหาได้เดินทางออกนอกประเทศหลังเกิดเหตุบุกชิงทอง และดันใส่รองเท้ายี่ห้อแพง แบบที่คนร้ายใส่ ทางเราจึงติดตามหาข้อมูล ก็พบว่าผู้ต้องหาไปประเทศเมียนมา เพื่อขายทองคำหนัก 300 บาทในมูลค่า 4 ล้านบาท และได้เอาเงินสดกลับมา จำนวน 1.5 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะกลับไปเอาเงินสดในเดือนหน้า ตำรวจจึงได้ขอหมายศาลออกหมายจับและบุกจับกุมตัวได้ในที่สุด

โดยวันนี้ได้แบ่งกำลังตำรวจออกค้นจุดต้องสงสัยทั้ง 4 จุด ทั้งบ้านในอำเภอฝาง และบ้านจัดสรรหรูในอำเภอเมืองเชียงใหม่ กระทั่งไปพบตัวผู้ต้องหาในบ้านจัดสรรหรู ในตำบลสันผีเสื้อ ซึ่งขณะที่ตำรวจกำลังควบคุมตัวผู้ต้องหามาสอบปากคำนั้น ผู้ต้องหาพยายามใช้อาวุธปืนกรอกปากตัวเอง เพื่อฆ่าตัวตายหนีความผิด แต่ตำรวจช่วยไว้ได้ทัน
จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าทำการเทรดหุ้น และบิตคอยน์ จึงอยากได้เงินทุน ไปต่อยอดในการเทรดต่อ จึงตัดสินใจก่อเหตุครั้งนี้

สำหรับผู้ต้องหานั้นเป็นลูกเขยของเจ้าของสวนส้มในพื้นที่ อ.ฝาง เป็นบุคคลมีชื่อเสียง ร่ำรวย มีบ้านหรูหลายหลัง เมื่อมีการจับกุมผู้ต้องหารายนี้ คนในพื้นที่อำเภอฝาง ต่างพากันตกใจ ไม่คิดว่าผู้ต้องหาจะมาก่อเหตุครั้งนี้ เพราะปกติผู้ต้องหานั้นเป็นคนธรรมะธัมโม ถือศีลและปฏิบัติธรรม