หนีไม่รอด นักโทษชายคดียาเสพติด เรือนจำจังหวัดนนทบุรี หลบหนีขณะทำงานกองนอก ร้านกาแฟเรือนจำ เผยสาเหตุหนีเพราะคิดถึงพ่อ ไปเห็นเสื้อผ้าในกองขยะพอดี ทำอารมณ์ชั่ววูบ ผบ.คุก ชี้ต้องแยกเป็นเรื่องๆ ไป คนละบริบทกันกับที่หนีออกจากเรือนจำไปก่อนหน้านี้
จากกรณี น.ช.เกรียงไกร วิมลพิมพ์ อายุ 44 ปี เป็นนักโทษคดีครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ศาลตัดสินจำคุก 3 ปี 9 เดือน เป็นนักโทษชั้นดีที่ได้เข้าโครงการฝึกวิชาชีพ ก่อนได้รับการปล่อยตัว วันที่ 22 มี.ค. 2567 ได้หลบหนีขณะออกมาทำงานกองนอก ประจำร้านกาแฟหับเผย ซึ่งเป็นร้านสวัสดิการของทางเรือนจำ อยู่ติดกับเรือนจำ
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้กับเรือนจำ พบว่า น.ช.เกรียงไกร ได้เข้าไปทำงานที่ร้านหับเผย ก่อนจะนำขยะใส่รถเข็นไปทิ้งด้านข้างเรือนจำ แล้วหลบหนีขึ้นรถสามล้อเครื่องมุ่งหน้าไปซอยเรวดี และเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุด น.ช.เป็นชุดนอก แล้วเดินออกปากซอยด้านถนนติวานนท์
เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำสามารถจับกุมตัว น.ช.เกรียงไกร วิมลพิมพ์ ที่หลบหนีขณะออกมาทำงานร้านกาแฟหับเผย โดยสามารถจับกุมได้ที่ป้ายรถประจำทางปากซอยประชาชื่น-นนทบุรี ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี ก่อนนำตัวกลับมาสอบสวนที่ร้านกาแฟหับเผย
...
ดร.กลยุทธ พานาสันต์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ผู้ต้องขังชั้นเยี่ยมที่ได้มาปฏิบัติงานที่ร้านหับเผยของเรือนจำมา 1 ปีแล้ว ได้หลบหนีไปจากบริเวณตรงที่ทิ้งขยะ ทราบแรงจูงใจเบื้องต้นว่า เขาเครียดเฉยๆ แล้วคิดจากอารมณ์ชั่ววูบเป็นหลัก โดยเสื้อผ้าที่มีการเปลี่ยน เป็นเสื้อผ้าที่อยู่ในกองขยะอยู่แล้ว เบื้องต้นจากคำให้การของผู้ต้องขังไม่ได้มีการเตรียมการ ถ้าเป็นการเตรียมการ อุปกรณ์จะไม่ใช่อย่างนี้ และเขาไม่ได้มีเงินติดตัวไป
ดร.กลยุทธ กล่าวว่า ผู้ต้องขังรับโทษมาตั้งแต่ปี 63 แล้วจะพ้นโทษวันที่ 22 มีนาคม ปี 67 โดยเขาจะมีหน้าที่ล้างจานที่ร้านหับเผย และเอาขยะไปทิ้ง ซึ่งวันนี้เขาเดินไปทิ้งขยะ 3 รอบแล้ว พอดีเขาไปเห็นเสื้อผ้าอยู่ในถุงดำในกองขยะพอดี ก็ถามเขาดูว่า ทำไมอยากหนี เขาบอกว่าอารมณ์ชั่ววูบ โดยโบกรถรับจ้างหนีไป เมื่อไปถึงจุดหมายแล้วได้ไปขอเงินจากคนข้างทาง โดยให้ข้อมูลกับคนที่ให้เงินว่า เป็นผู้ต้องขังถูกปล่อยตัว จะกลับบ้านไปหาพ่อ
ดร.กลยุทธ กล่าวอีกว่า การจับกุมเป็นเจ้าหน้าที่ชุดราชทัณฑ์ร่วมกับตำรวจนนทบุรี ซึ่งตั้งวอร์รูมที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี โดยไปจับกุมได้ที่ริมถนนประชาชื่น จากการพูดคุยเขาบอกว่าเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ถ้าหากเขามีแรงกดดัน เขาออกมาตั้งแต่ 1 ปีแล้ว ประกอบกับเขาจะได้รับการปล่อยตัวแล้ว ก็จะมีการเพิ่มโทษในข้อหาที่หลบหนีการควบคุมตามกฎหมาย อีกประมาณ 8 เดือน แล้วก็ไม่มีสัญญาณอะไรล่วงหน้า ที่จะบ่งบอกว่าเขาจะหลบหนีเลย
ส่วนการออกมาทำงานข้างนอกจะเป็นการทำงานตามชั้น แต่เมื่อเขาได้หลบหนี มีการกระทำความผิดแล้ว จะไม่มีชั้น ผู้ต้องขังได้ให้ข้อมูลกับคนที่ให้เงินว่า เขาพ้นโทษแล้วขอเงิน 200 บาท จะไปหาพ่อที่บ้าน แต่เขาก็ให้มาแค่ 20 บาท แล้วผู้ต้องขังจึงเดินไปเรื่อยๆ
ดร.กลยุทธ กล่าวว่า ทางผู้บริหารกรมราชทัณฑ์ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้ และต้องแยกเป็นเรื่องๆ ไป คนละบริบทกันกับที่หนีออกจากเรือนจำไปก่อนหน้านี้ คือ ผู้ต้องขังในร้านหับเผย นนทบุรี เป็นผู้ต้องขังชั้นดีที่ออกมาทำงานแล้ว 1 ปี แรงจูงใจ และบริบทของเขาจะต่างกัน ซึ่งมาตรการเรามีการคัดกรองเป็นหลักอยู่แล้ว แต่กรณีนี้เหมือนกับผู้ต้องขังเคยเสพยามาแล้วด้วย เหมือนกับอารมณ์ชั่ววูบแวบนึงที่อยากกลับบ้าน.