น้องชายคนเล็กปืนดุ ควง .38 จ่อยิงพี่ชายคนโตดับสยองคาตลาดนัดเขางู ราชบุรี แล้วยิงเมียของพี่ชายคนกลางเป็นศพที่ 2 พบปมมรณะมาจากเรื่องข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน ซึ่งสร้างเป็นห้องน้ำแบบเก็บเงินข้างตลาดนัด เหยื่อพยายามร้องขอชีวิตก็แล้ว จ่อยิงอย่างเลือดเย็น ลั่น “วันนี้ยังไงพวกมึงก็ต้องตาย”

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 ธันวาคม 2566 ร.ต.อ.กฤตณัฐ รัตนกุสุมภ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองราชบุรี ได้รับแจ้งเหตุยิงกันจนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย บริเวณภายในตลาดนัดเขางู (วัดราชสิงขร) หมู่ 2 ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังรับแจ้งเหตุจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมพ.ต.อ.ทรงวุฒิ เจริญวิชยเดช ผกก.สภ.เมืองราชบุรี, เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ราชบุรี, ชุดสืบสวน สภ.เมืองราชบุรี, แพทย์เวร รพ.ราชบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ราชบุรี

ที่เกิดเหตุพบศพ นายสำรวย คุ้มจิตร์ อายุ 63 ปี นอนหงายเสียชีวิตข้างแผงไข่ จำนวน 2 แผง ที่บริเวณศีรษะมีรอยถูกอาวุธปืนยิงหลายนัด ส่วนบริเวณพื้นพบปลอกกระสุน ขนาด.38 จำนวน 10 ปลอก ห่างออกไป 50 เมตร บริเวณภายในบ้าน ซึ่งเปิดเป็นร้านค้าขายของชำ และร้านขายอาหารตามสั่ง พบศพ นางประทับ คุ้มจิตร์ อายุ 59 ปี นอนหงายเสียชีวิตอยู่บริเวณพื้นข้างร้าน มีรอยถูกอาวุธปืนยิงที่บริเวณศีรษะ และหน้าอก ส่วนบริเวณที่พื้นร้านพบปลอกกระสุนขนาด .38 จำนวน 5 ปลอก ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดนัด ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายนพพร คุ้มจิตร์ อายุ 52 ปี ซึ่งเป็นน้องชายคนเล็กของนายสำรวย ผู้เสียชีวิต และเป็นน้องผัวของ นางประทับ ผู้เสียชีวิต ข้อพิพาทซึ่งทั้งหมดมีปัญหาเรื่องข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน ซึ่งสร้างเป็นห้องน้ำแบบเก็บเงินข้างตลาดนัด ซึ่งหลังก่อเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้พร้อมอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.เมืองราชบุรี

...

ขณะที่ นายกมล (นามสมมติ) ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ปีที่แล้วครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นพี่น้องกันทั้งหมด ได้มีปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับสัมปทานห้องน้ำกันมาตลอด จนน้องชายคนรองของผู้เสียชีวิตได้ทะเลาะกับน้องคนเล็ก (ผู้ก่อเหตุ) โดยใช้อาวุธมีดพร้าฟันเข้าที่หน้าของผู้ก่อเหตุจนตาข้างซ้ายบอด ทำให้น้องชายคนรองติดคุกข้อหาพยายามฆ่า และต้องชดใช้เงินค่าเสียหายให้กับน้องชายคนเล็ก ซึ่งคือผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ ซึ่งหลังน้องชายคนรองติดคุกได้ไม่นาน น้องชายคนเล็กก็ติดคุกตาม จนมาพ้นโทษ เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เมื่อพ้นโทษมาได้ขู่อาฆาตพี่น้อง และครอบครัว ว่าจะฆ่าให้ตายให้หมดบ้าน 

ต่อมาศาลมีคำสั่งให้ครอบครัวของน้องคนรองชดใช้ค่าเสียหายให้กับน้องชายคนเล็กเป็นจำนวนเงิน 70,000 บาท จึงนำเงินดังกล่าวไปซื้อปืนมาเก็บไว้ ก่อนจะหาโอกาสก่อเหตุยิงพี่ชาย และพี่สะใภ้ จนเสียชีวิตในครั้งนี้

ขณะที่ นายตั้ม พ่อค้าขายของตลาดนัดอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้เห็นผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นน้องชายคนเล็กของผู้ตายมายืนดักรอผู้ตายอยู่ภายในตลาด โดยผู้ตายกำลังเดินกลับจากมาซื้อไข่ไก่ เมื่อสบโอกาสเห็นผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นน้องชายผู้ตายได้เดินถือปืนเข้ามาจ่อยิงที่บริเวณศีรษะผู้ตายหลายนัด ก่อนจะเปลี่ยนลูกปืน และจ่อยิงผู้ตายซ้ำจนมั่นใจว่าตายสนิท จึงเดินไปที่ร้านของผู้ตาย ก่อนก่อเหตุยิงพี่สะใภ้ ซึ่งเป็นภรรยาของพี่ชายผู้ก่อเหตุอีกคนที่เคยมีเรื่องทะเลาะกันและใช้มีดพร้าฟันหน้าผู้ก่อเหตุจนตาข้างซ้ายบอด ก่อนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุจะเข้ามาระงับเหตุ และควบคุมตัวเอาไว้ได้

ขณะที่ น.ส.พิชญภรณ์ คุ้มจิตร์ ลูกสาวผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า ขณะที่น้าชายยิงพ่อของเธอเสียชีวิต ได้มีชาวบ้านตะโกนเรียกแม่ และเธอออกไปดู ทำให้เธอ น้องชาย และแม่รีบวิ่งไปดูพ่อ ก่อนที่น้าชายจะวิ่งสวนมาทางเธอ ทำให้ชาวบ้านดึงตัวเธอ แม่ และน้องชายหลบ เพื่อไม่ให้น้าชายเห็นพวกเธอ ก่อนที่น้าชายจะวิ่งตรงไปที่ร้าน ซึ่งขณะนั้นมีน้าสะใภ้อยู่ในร้านเพียงคนเดียว เมื่อพวกเธอวิ่งไปถึงจุดที่พ่อถูกยิง ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด น้องชายจึงวิ่งกลับไปที่ร้าน และพบว่าน้าสะใภ้ถูกยิงจนเสียชีวิต จนมีชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า น้าชายเธอยิงน้าสะใภ้จนเสียชีวิต 

ส่วนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ร้านบอกว่า เห็นผู้ก่อเหตุจ่อยิงผู้ตายเสียชีวิต ซึ่งขณะนั้นผู้ตายพยายามร้องขอชีวิต แต่ผู้ก่อเหตุก็ไม่สนใจ จ่อยิงผู้ตายจนเสียชีวิต แถมยังพูดว่า “วันนี้ยังไงพวกมึงก็ต้องตาย”

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำบันทึกที่เกิดเหตุ พร้อมเรียกสอบปากคำพยานบุคคลทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ ตลอดจนเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้จุดเกิดเหตุ ก่อนสอบปากคำผู้ก่อเหตุอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุและแรงจูงใจในการก่อเหตุ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.