อสส. สั่งย้าย "อัยการบอย" จากสงขลามาทำงานที่สำนักงานคดีฟอกเงิน หลังถูกเสี่ยแป้งแฉ ร่วมกระทำความผิด ตกเป็นผู้ต้องหาแต่อัยการไม่ฟ้อง รวมทั้งสำนวนคดีที่สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาอีก 6 คน หาก สนง.วิชาการฯ วิเคราะห์แล้วพบว่าสำนวนไม่ถูกต้องก็สามารถเข้าสู่กระบวนการรื้อฟื้นคดีใหม่
จากกรณี นายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด ออกมาเปิดเผยผ่านคลิป ระบุว่าอัยการชื่อ บอย พร้อมพวกรวม 7 คน ร่วมกระทำความผิดอาญาด้วย แต่คดีดังกล่าว อัยการส่งฟ้องผู้ต้องหา เพียงคนเดียว คือ แป้ง นาโหนด เป็นต้นเหตุของความคับแค้น จนต้องหลบหนีจากที่คุมขัง แหกคุกออกมาทวงถามความยุติธรรม
กรณีนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 พ.ย. 2566 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี ได้นำจดหมายขอความเป็นธรรมของ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด มายื่นต่ออัยการสูงสุด โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้รับหนังสือ
ทั้งนี้ เบื้องต้นได้มีคำสั่งสำนักงานอัยการสูงสุด สั่งย้าย อัยการบอย จากสำนักงานอัยการสงขลา มาทำงานที่สำนักงานคดีฟอกเงิน อาคารแจ้งวัฒนะ เพื่อไม่ให้เกี่ยวข้องกับสำนวนคดี
ในส่วนการรื้อฟื้นคดีใหม่ ตามที่นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด ได้สั่งการให้อธิบดีอัยการภาค 9 เร่งส่งสำนวนคดีดังกล่าวมาให้ทางสำนักงานวิชาการฯ วิเคราะห์ว่า เป็นการสั่งฟ้องที่ถูกต้องหรือไม่ หรือควรมีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งหรือไม่ ตามที่นายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด ระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากคำสั่งฟ้องคดีของอัยการ กรณีถ้าสำนักงานวิชาการฯ วิเคราะห์แล้วเห็นว่าสำนวนมีความผิดปกติ ก็อาจเข้าสู่กระบวนการรื้อฟื้นคดีใหม่ แต่ขณะนี้การดำเนินการยังไปไม่ถึงขั้นนั้น
...
สำหรับคดีดังกล่าว เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 นายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง เป็นผู้ต้องหาที่ 1 และอัยการดังกล่าวเป็นผู้ต้องหาที่ 2 รวมมีผู้ต้องหา 7 คน ถูกตั้งข้อหาร่วมกัน ปล้นทรัพย์ฯ, ข่มขืนใจผู้อื่นฯ, มีอาวุธฯ, พาอาวุธไปที่สาธารณะฯ ต่อมาเมื่อถึงชั้นอัยการได้มีการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 2-6 คน สั่งฟ้องนายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง คนเดียว ซึ่งเมื่ออัยการได้มีคำสั่งดังกล่าวทาง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ไม่ได้ส่งความเห็นแย้ง คดีจึงสิ้นสุดไปในส่วนของผู้ที่ไม่ถูกสั่งฟ้อง ต่อมาศาลสั่งลงโทษจำคุก นายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง จนนำไปสู่การหลบหนีออกจากโรงพยาบาล