พนักงานคุมประพฤติ ซิ่งเก๋งฮอนด้า แจ๊ส ชนท้ายเก๋งมาสด้าหงายท้อง ขวางอุโมงค์ท่าพระ ตำรวจมึนขณะคุมตัวมาสอบปากคำ ในมือยังถือกระป๋องเบียร์ แต่เครื่องตรวจ ตรวจไม่พบแอลกอฮอล์

เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ร.ต.อ.วิเชียร หอมสุวรรณ รอง สว.(สอบสวน) สน.ท่าพระ รับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำภายในอุโมงค์ท่าพระ มุ่งหน้าถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งฮอนด้า แจ๊ส สีขาว ทะเบียนฌศ 4350 กรุงเทพมหานคร พลิกหงายท้องเชิงทางขึ้นอุโมงค์ท่าพระ กีดขวางถนนช่องทางรถขาเข้ามุ่งหน้าถนนจรัญสนิทวงศ์ สภาพหน้ารถพังยับ กระจกแตก ล้อแม็กซ์หน้าแตก ใกล้กันพบรถเก๋งมาสด้า cx3 สีแดง ทะเบียน 1กง 7792 กรุงเทพมหานคร กันชนท้ายบุบ ล้อแม็กซ์เบี้ยว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจรภายในอุโมงค์ท่าพระ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ก่อนจะนำรถมาลากรถที่เกิดอุบัติเหตุออกจากพื้นผิวจราจร เพื่อเปิดการจราจร

สอบสวนทราบว่า คนขับรถเก๋งฮอนด้าชื่อ นายสุเวศน์ มุกนิล อายุ 52 ปี เป็นพนักงานควบคุมความประพฤติชำนาญการ อยู่ในอาการสะลึมสะลือ พูดจาไม่รู้เรื่อง โดยคนขับรถเก๋งมาสด้า cx3 ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุจอดรถซื้อของอยู่ข้างทางใกล้กับทางลงอุโมงค์ท่าพระ แล้วจู่ๆ ทางคู่กรณีขับมาชนท้าย เมื่อเดินไปเคาะกระจกเรียกคู่กรณีให้ลงมาพูดคุยอยู่ 3-4 รอบ คนขับก็ไม่ยอมออกมา ในใจนึกว่าเขาเมา หรือเป็นอะไรถึงไม่ยอมลงมาเจรจา 

แต่เมื่อดูร่องรอยที่ถูกชนพบไม่มีอะไรเสียหาย ประกอบกับจะรีบไปส่งแฟนทำงานที่พระราม 3 จึงตัดสินใจขับรถออกมาเพราะไม่อยากมีปัญหา เนื่องจากไม่แน่ใจว่าภายในรถคู่กรณีมีอาวุธ หรือมีอะไรผิดกฎหมายหรือไม่ แต่คู่กรณียังขับรถตามมา กระทั่งมาถึงช่วงทางลงอุโมงค์ที่มุ่งหน้าไปแยกบุคคโล รถเก๋งฮอนด้าก็เร่งเครื่องแซงขวาก่อนจะชนท้ายจนรถเสียหลักพลิกหงายท้องข้ามเลนไปขวางช่องทางรถอีกฝั่ง โชคดีที่ไม่มีรถสวนมา

...

ภายหลังเจ้าหน้าที่คุมตัวนายสุเวศน์ขึ้นรถสายตรวจเพื่อมาสอบปากคำ พบนายสุเวศน์ มีอาการเดินเซไปเซมา ในมือยังถือกระป๋องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องประคองพาตัวขึ้นรถนำตัวมาที่ สน.ท่าพระ พบนายสุเวศน์ พูดจาไม่รู้เรื่อง นั่งสะลึมสะลือไม่สามารถให้ปากคำได้ 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเครื่องเป่าตรวจแอลกอฮอล์เพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายมาให้นายสุเวศน์เป่า ผลไม่พบมีปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมทำหนังสือส่งตัวตรวจเลือดที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อยืนยันปริมาณแอลกอฮอล์ หรือมีสารเสพติดหรือไม่เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป