ตร.ติวเข้มป้องเหตุนักเรียนตีกัน เผยรู้ตัวมือยิง "ครูเจี๊ยบ" เตรียมออกหมายจับ ชี้พฤติกรรมไม่ใช่นักศึกษาทั่วไป-ลักษณะคล้ายมือปืน เชี่ยวชาญการหลบหนี ลบร่องรอยเกือบทุกขั้นตอน
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 66 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพชร รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานป้องกันปราบปราม, พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานสืบสวน, พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผบ.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รองผบช.น., ผบก. และรอง ผบก.ที่รับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามและงานสืบสวน ร่วมประชุมแก้ไขปัญหานักเรียนทะเลาะวิวาท
โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า วันนี้มารับฟังแนวความคิดการเตรียมการปฏิบัติของ บช.น. เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้เกิดขึ้นอีก ส่วน พล.ต.อ.ธนา ติดตามความคืบหน้าคดี และตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
ขณะที่ พล.ต.อ.ธนา กล่าวถึงความคืบหน้าคดีเหตุทะเลาะวิวาทของนักเรียนช่างกลยิงกันเป็นเหตุให้ "ครูเจี๊ยบ" ถูกลูกหลงเสียชีวิตว่า จากการสืบสวนพอรู้กลุ่มคนร้ายและมีผลตรวจดีเอ็นเอของคนร้ายแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานให้รอบคอบ เพื่อขอศาลออกหมายจับ
เมื่อถามว่า พอจะชี้ชัดหรือยังว่า คนร้ายทั้ง 2 คน เป็นใคร พล.ต.อ.ธนา กล่าวว่า อยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐาน รวมทั้งขยายผลถึงกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันก่อเหตุ ตอนนี้ยังไม่ขอตอบเพราะอยู่ในสำนวนการสอบสวน ส่วนคนร้ายทั้ง 2 คน ที่หลบหนีออกจากกรุงเทพฯ นั้น เขาก็สามารถไปได้ตลอด เพราะยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างออกหมาย ส่วนจะมีกี่คนกำลังรวบรวมหลักฐานไม่ขอตอบ เพราะกำลังทำงานอยู่ เราอยากชี้แจงหมดทุกเรื่องรายละเอียดบางส่วน ขอไว้ให้เราทำงานสำเร็จก่อน ต้องเชื่อมือ ผบช.น.และ ผบก.สส.บช.น.เร่งรัดทำงานกันเต็มที
...
ด้าน พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า คดียิง "ครูเจี๊ยบ" มีข้อมูลพยานหลักฐานที่เห็นร่องรอยคนร้าย แต่การจะพิสูจน์ทราบตัวบุคคลนั้น คนร้ายวางแผนตระเตรียมมาอย่างดี ทั้งเรื่องจัดหายานพาหนะ เส้นทางหลบหนี จุดที่พักคอย ต้องใช้เวลาในการสืบสวนพฤติกรรมไม่ใช่นักศึกษาทั่วไปลักษณะคล้ายมือปืน แต่ว่ายังอยู่ในบทบาทของนักศึกษาที่ได้รับการชี้นำ แนวทางการสืบสวนสอบสวนเอาข้อมูลแผนประทุษกรรมมาดู จากกลุ่มบุคคลที่เป็นเครือข่ายก่อคดีก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2565 ความเชื่อมโยงในคดีเห็นลักษณะก่อเหตุของคนร้ายคล้ายคลึงกัน จะมีการวางแผนหรือไม่ต้องรอการพิสูจน์ทราบ คนร้ายไม่ได้ทำโดยลำพังวางแผนตระเตรียมการมาอย่างดี เป็นกลุ่มบุคคล และขอพูดในเรื่องที่เกี่ยวกับคดีไม่พาดพิงสถาบัน ยังไม่บอกว่าผู้ก่อเหตุเป็นนักศึกษาหรือศิษย์เก่า มีอาชีพหรือไม่มีอาชีพ แต่พฤติกรรมเป็นกลุ่มบุคคล ที่มีเจตนาประสงค์ต่อชีวิตเป็นคดีอาญา ส่วนมูลเหตุจูงใจต้องได้ตัวผู้ต้องหามาก่อนถึงจะตอบได้ อาจจะไม่ใช่สถาบันคู่กรณีก็ได้ คนร้ายแบ่งขั้นตอนวางแผนดูเส้นทางเข้าที่เกิดเหตุ เส้นทางหลบหนี ที่พักคอย จุดที่ต้องเปลี่ยน และตระเตรียมจุดที่ลงมือ ไม่ใช่คนธรรมดาคนเดียวที่ทำไม่ได้ จากการตรวจสอบพบว่าแผนประทุษกรรมสอดคล้องกับกลุ่มบุคคลที่เคยก่อเหตุ
พล.ต.ท.ธิติ กล่าวต่อว่า การกระทำแบบนี้ประสงค์ต่อชีวิตไม่ใช่คิดและทำได้โดยลำพัง ถ้ากลุ่มบุคคลดังกล่าวยังอยู่ในสถานภาพนี้ จะก่อเหตุให้เกิดอันตรายต่อไปอีก ผบ.ตร.มีนโยบายแล้วว่า อาจจะต้องมีวิธีการที่ชัดเจนกว่านี้ในการปราบปราม การแก้ไขปัญหาตำรวจเป็นแค่ผู้บังคับใช้กฎหมาย หน่วยงานเพียงหน่วยเดียวอาจไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด จะต้องมีส่วนอื่นๆ เข้ามาช่วยกัน
เมื่อถามว่า เหตุนักเรียนตีกันมีแผนรองรับ แต่ทำไมแก้ปัญหาไม่ได้ พล.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า รอง ผบ.ตร.มองเห็นปัญหาเหมือนที่ถามจึงมาแก้ทั้งระบบ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่งานปราบปรามและงานสืบสวน ต้องมีวางแผนอย่างเต็มระบบ จุดที่เกิดเหตุควรจะเป็นตรงไหนเรามีจุดรับแจ้งตลอด แต่สถานที่เกิดเหตุคดียิงครูเจี๊ยบนั้น คนร้ายวางแผนเอาไว้พฤติกรรมคล้ายกลุ่มมือปืน มีพัฒนาการในการหลบหนี ลบพยานหลักฐานร่องรอยเกือบทุกขั้นตอน เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้หาข้อมูลติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เมื่อถามว่า กลุ่มบุคคลที่ก่อเหตุมีความผิดฐานอั้งยี่ ซ่องโจรหรือไม่ ผบช.น. กล่าวว่า ยังไปไม่ถึงตรงนั้น ถ้ามีพยานหลักฐานถึงจะดำเนินการแจ้งข้อหา ส่วนกลุ่มบุคคลมีกี่คนยังไม่สามารถบอกได้ขนาดนั้น แต่ไม่ใช่คนสองคนที่จะทำ จากการสืบสวนสอบสวนจนถึงขณะนี้ มีโอกาสจะได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวภายหลังการประชุม ถึงการวางมาตรการป้องกันปราบปรามเหตุนักเรียนตีกันว่า บช.น. มีการป้องกันอยู่แล้ว ทั้งก่อนเกิดเหตุ เกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ ระดมกวาดล้างอาวุธปืน จัดสายตรวจป้องกันเหตุจุดกลุ่มนักเรียนที่ไปเป็นประจำ รวมทั้งงานสถาปนาสถาบันต่างๆ คดีครูเจี๊ยบที่ถูกลูกหลงเสียชีวิต ไม่ใช่เหตุยกพวกตีกัน แตกต่างจากเรื่องสถาบันอย่าเอาไปปนกัน เกิดจากยกระดับผู้กระทำผิดเป็นอาชญากร การแก้ไขปัญหาอาจจะต้องเชิญผู้บริหารสถาบันต่างๆ มาคุยกัน ขณะนี้ได้สั่งการให้ตั้งจุดสกัดสัมพันธ์ระหว่าง สน.และตำรวจภูธรที่มีพื้นที่ต่อเนื่องพื้นที่ บช.น. ตรวจค้นอาวุธ เราจะทำเรื่องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ
เมื่อเกิดเหตุจะระงับยับยั้งการหลบหนี และจับกุมให้ได้ บช.น.มีข้อมูลกลุ่มที่เฝ้าระวังอยู่แล้ว เพื่อนำมาประกอบในการวางแผนป้องกันเหตุ แต่ไม่ขอพูดชื่อเพราะไม่อยากให้กระทบถึงสถาบัน