"ผู้การไก่" เรียกชุดสืบสวน สน.ประเวศ และ สืบบก.น.4 ติดตามคดีวัยรุ่นรามคำแหง ยกพวกก่อเหตุยิงโจ๋ย่านพัฒนาการวัย 15 ปีดับ หลังมีปัญหากันมานานนับปี โดยนำ 2 เยาวชนผู้ต้องสงสัยไปสอบปากคำ พร้อมฝากถึงน้องที่กระทำความผิดให้มอบตัว เพราะยืนยันตำรวจจับตัวได้แน่นอน
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 13 พ.ย. 66 ที่ สน.ประเวศ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้นำตัวเยาวชน 2 คนที่เป็นพยานในที่เกิดเหตุและเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่บริเวณชั้น 2 โดยใช้เวลาสอบปากคำประมาณ 30 นาที ซึ่งเป็นการแยกสอบปากคำทีละคนเพื่อตรวจสอบว่าเยาวชนทั้ง 2 คนให้การตรงกันหรือไม่ โดยหนึ่งในผู้ต้องสงสัยเป็นคนขี่รถจยย.สีแดงคันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้ได้เป็นของกลางจากที่เกิดเหตุ โดยแม่ของผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นเจ้าของรถคันดังกล่าวเดินทางมาด้วย พร้อมเปิดเผยว่า เมื่อคืนเกิดเหตุลูกชายออกไปเที่ยวกับเพื่อนตามปกติ โดยขี่จยย.คันสีแดงของตนออกไป กระทั่งกลับมานอนที่บ้านเมื่อเช้าตามปกติ โดยไม่ได้มีท่าทางวิตกกังวล หรือมีพิรุธแต่อย่างใด ซึ่งข่วงเช้าตนจะออกไปตลาด แต่ไม่พบรถจยย. จึงได้สอบถามลูกชายถึงรถจยย.จึงได้ทราบจากลูกว่า เมื่อคืนเกิดเหตุทะเลาะวิวาท จนลูกชายถูกกลุ่มผู้ตายถีบรถจยย.ล้มกลางถนน ก่อนที่ลูกชายจะวิ่งหลบหนีไปก่อน และอ้างว่าไม่ทราบเหตุชุลมุนที่เกิดขึ้นและไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิงผู้ตาย ซึ่งตอนเช้ามีตำรวจมาเชิญตัวลูกชายมาสอบปากคำ จึงทราบว่ารถจยย.ของตนถูกยึดเป็นของกลาง และได้เดินทางมาที่ สน.ประเวศ เพื่อติดต่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งทางตัวแม่ก็ไม่มีความกังวลใดๆ เพราะมั่นใจว่าลูกชายไม่ได้ทำอะไรผิด
...
ต่อมาเวลา 12.40 น. พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ รรท.ผบก.น.4 พร้อมด้วยพ.ต.อ.สุพล ค้ำชู รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.บก.น.4 และ พ.ต.อ.สุรพงษ์ พุฒขาว ผกก.สน.ประเวศ เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้มีการประชุมฝ่ายสืบสวนและได้มีการแบ่งงานกันเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นทราบตัวผู้กระทำความผิดที่ใช้อาวุธปืนยิงในเหตุทะเลาะวิวาท จนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย
ส่วนเรื่องการออกหมายจับต้องขออนุญาตศาลก่อนและออกหมายจับอีกครั้ง เนื่องจากว่ายังเป็นเยาวชน ซึ่งต้องรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์พยานบุคคลร่วมด้วย นอกจากนี้ อยากประชาสัมพันธ์ถึงตัวน้องที่กระทำความผิด ว่าตัวเองรู้ตัวดีว่าทำอะไรอยู่แล้วให้รีบมามอบตัว เพราะตอนนี้รู้ช่องทางหลบหนี และยืนยันว่าจะจับตัวได้แน่นอน ไม่ต้องหนีจะได้ง่าย และเป็นผลดีต่อตัวเขาด้วย โดยแรงจูงใจในการก่อเหตุไม่ได้อยู่ที่สถาบันการศึกษา เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งสองฝ่ายเป็นนักเรียนนอกระบบ แต่มีการท้าทายกันทางโซเชียลอยู่ตลอด ซึ่งเคยมีเรื่องบาดหมาง กันมาก่อนหน้านี้
ในส่วนของผู้ปกครอง ตนก็เห็นใจ เชื่อว่าผู้ปกครองคนไหนก็ไม่มีใครอยากให้ลูกทำแบบนี้ เชื่อว่าช่วงวัยรุ่นใจร้อน ห้ามให้กระทำได้ยากและการก่อเหตุในลักษณะแบบนี้เขายังสูญเสียอนาคตอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการก่อเหตุแบบนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีแผนระงับเหตุ และปรับแผนทุก 15 วัน ตามลักษณะการก่อเหตุในแต่ละครั้ง.