ตำรวจกดดันครอบครัว ประสาน "เสี่ยแป้ง นาโหนด" เข้ามอบตัวโดยเร็ว เผยเส้นทางหลบหนี มุ่งหน้าเข้าตรัง ไปที่ จ.กระบี่ แล้วย้อนกลับมาที่ จ.พัทลุง หลังลูกพี่ปฏิเสธ ไม่ยื่นมือช่วย พาไปชายแดนพม่า ขณะที่ "เฉลิมพงษ์ ฤทธิรงค์" อดีตคนรู้จัก ขอความเป็นธรรม ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ใช่ชายหน้าลิฟต์

จากกรณี นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือเสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษหลายคดีดัง โดยเฉพาะคดีปล้นทรัพย์ของศาลจังหวัดพัทลุง ถูกส่งตัวมาคุมขังที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเรือนจำความมั่นคงสูง ได้หลบหนีไป ขณะเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการขยายผลการสืบสวนสอบสวนของคดีสำคัญดังกล่าวของ ตร.สภ.นครศรีธรรมราช และ ตร.ภ.จว.พัทลุง ทราบว่า 2 คนร้ายที่พานายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง หลบหนี โดยใช้รถยนต์ 3 คัน ในการหลบหนีนั้น ประกอบด้วย นายจักรี (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี โดยนายจักรีนั่งรอในรถ ก่อนที่เสี่ยแป้งจะขึ้นรถกระบะสี่ประตู สีขาว ส่วนคนร้ายอีกคน คือ นายจิระวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) ชาวบ้าน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 

ทั้งนี้ หลังหลบหนีออกจาก รพ.มหาราชฯ เสี่ยแป้งกับลูกน้องคู่ใจ ได้ขับรถมุ่งหน้าเข้า จ.ตรัง และไปที่ จ.กระบี่ เพื่อไปหาลูกพี่ แล้วมุ่งหน้าชายแดนประเทศเมียนมา แต่ถูกปฏิเสธ จึงต้องย้อนกลับมาที่ จ.พัทลุง โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้ากดดันทางครอบครัวของนายเชาวลิต ให้ประสานพามอบตัวโดยเร็ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งก็อยู่ระหว่างการล่าตัวมารับโทษต่อไป

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาก่อนการหลบหนีนั้น ในวันที่ 20 ต.ค. 66 มีอดีตนักการเมืองจาก จ.พัทลุง และตำรวจรายหนึ่ง ได้เดินทางไปเยี่ยมนายเชาวลิต หลังจากนั้นเจ้าตัวได้พบแพทย์ เพื่อนัดรักษาทันตกรรม แต่แพทย์ขอเลื่อน จึงแกล้งวูบหมดสติ แล้วนอนรักษาตัวที่ รพ. โดยวันที่ 22 ต.ค. มีกำหนดการออกจาก รพ. แต่ก็มาหลบหนีเสียก่อน

...

อย่างไรก็ตาม ในตอนสายวันนี้ (23 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 113 หมู่ที่ 11 ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ซึ่งเป็นบ้านของนายเฉลิมพงษ์ ฤทธิรงค์ หนึ่งในผู้ต้องสงสัย ที่เข้าร่วมในการหลบหนีในคดีดังกล่าว  

ทางด้านนายเฉลิมพงษ์ ฤทธิรงค์ ได้ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลบหนีของนายเชาวลิตแต่อย่างใด หลังจากเห็นข่าวในจอทีวีว่ามีตนเข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นชายหน้าลิฟต์ที่เดินคู่ออกจากตึกมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ตนเอง คืนเกิดเหตุตนเองได้เดินทางไปเปลี่ยนยางรถยนต์ให้ลูกค้า บริเวณเขาพับผ้า พื้นที่รอยต่อ จ.พัทลุง-จ.ตรัง และไม่ทราบเรื่องเลย จนทราบว่ามีข่าวดังกล่าว 

จริงๆ ตนกับนายเชาวลิตรู้จักกัน เพราะเคยไปทำงานให้ที่อู่ซ่อมรถยนต์ของนายเชาวลิต แต่หลังจากนายเชาวลิตติดคุก ก็ไม่ได้ติดต่อไปมาหาสู่กัน อยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับตนเองว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวออกไปไม่ใช่ตน แต่เป็นคนอื่นที่ตนเองรู้จัก แต่ก็ไม่ได้สนิทกัน จึงขอให้สื่อมวลชนแก้ข่าวให้ถูกต้องด้วย เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของตนเองและครอบครัว

ส่วนภรรยานายเฉลิมพงษ์ หรือช่างปุ๊ บอกว่า รู้สึกงงเหมือนกันว่าสามีตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีได้อย่างไร เพราะช่วงเกิดเหตุสามียังเดินทางไปซ่อมรถยนต์ให้ลูกค้านอกสถานที่ และมีพยานเพื่อนข้างบ้าน และเจ้าของรถที่ไปซ่อม พร้อมกับภาพกล้องวงจรปิดว่าสามีตนเองไม่ได้ไปช่วยเหลือนายแป้งตามที่เป็นข่าว.