ผู้การ 191 มอบรางวัลเชิดชู 7 จนท.ชุดเจรจาคลี่คลาย เด็กอายุ 14 ก่อเหตุยิงในห้างสยามพารากอน พร้อมฝากถึง ปชช. อย่าโทรศัพท์มาป่วน หรือแจ้งเหตุเท็จกับสายตรวจ เพราะในยามคับขันสายโทรศัพท์ อาจมีความสำคัญต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น
เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 5 ต.ค. 66 พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ. มอบใบประกาศเกียรติคุณแก่ตำรวจ 2 นาย คือ ร.ต.อ.พศวัต จงจิตร รอง สว.ชุดปฏิบัติการ กองกำกับการศูนย์รวมข่าว บก.สปพ., ส.ต.ต.ธนชาต ใจสุภาแสน ผบ.หมู่ ชุดปฏิบัติการกองกำกับการศูนย์รวมข่าว บก.สปพ. และเจ้าหน้าที่คอลเซ็นเตอร์รับแจ้งเหตุ 5 คน คือ นายประกรชัย ลี่แตง, นางสาวอัปสร เสียงล้ำเลิศ, นางสาวรำไพ พรหมสุข, นางสาวสุรีรัตน์ ยิ้มสมบัติ และนายพรเทพ ขาวสะอาด ที่มีส่วนในการเจรจาพูดคุยกับเด็กผู้ก่อเหตุ และประสานข้อมูลในการเข้าระงับเหตุการณ์ยิงหมู่ในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมี พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล รอง ผบก.สปพ. ร่วมในพิธี
นายประกรชัย ลี่แตง เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุ หัวหน้างานการฝึกอบรม (บริษัท วัน ทู วัน คอนแทคส์ จำกัด) ซึ่งเป็นผู้โทรศัพท์เจรจา พูดคุยกับเด็กผู้ก่อเหตุ ได้เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุนั้น เด็กผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์เข้ามาที่สายด่วน 191 โดยมีพนักงานหญิงเป็นผู้รับสาย เมื่อพูดคุยแล้วทราบว่าเป็นผู้ก่อเหตุยิงหมู่ที่ห้างสรรพสินค้าพารากอน จึงให้หัวหน้าพนักงานมาพูดคุยต่อ ก่อนจะส่งสายโทรศัพท์ให้ตนเองเป็นผู้พูดคุยเจรจา ซึ่งใช้เวลาประมาณ 28 นาทีด้วยกัน
...
นายประกรชัย ยังเล่าว่า ในวันเกิดเหตุได้พยายามพูดคุยกับผู้ก่อเหตุให้ใจเย็นและยอมวางอาวุธเพื่อมอบตัวกับตำรวจ โดยมีตำรวจที่อยู่เวรศูนย์วิทยุผ่านฟ้า และพลตำรวจตรีภานพ โทรศัพท์เข้ามาฟังการเจรจาแบบเรียลไทม์ เพื่อนำข้อมูลส่งให้เจ้าหน้าที่หน้างานได้ประเมินสถานการณ์ในการเข้าระงับเหตุ จนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในเวลาต่อมา โดยการจรจามุ่งเน้นการเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุยอมมอบตัวแต่โดยดี แต่จะไม่ไปสอบถามถึงสาเหตุของการก่อเหตุ เพราะอาจเป็นการจุดชนวนให้เกิดความเครียดไปจี้จุด จนอาจทำให้ก่อเหตุรุนแรงต่อเนื่องไปอีก และไม่ให้ทำร้ายตนเอง อีกทั้งยังยอมรับว่าตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ก็พยายามควบคุมสติเพื่อให้การเจรจาสัมฤทธิ์ผล
ด้านร.ต.อ.พศวัต ระหว่างการเจรจาก็พยายามนำข้อมูลส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่หน้างาน เพื่อเข้าระงับเหตุ ยอมรับว่า ณ ขณะนั้น สถานการณ์ค่อนข้างมีความกดดัน เพราะต้องทำให้เหตุการณ์สงบโดยเร็ว และไม่ให้เกิดความสูญเสียเพิ่มเติม
พล.ต.ต.ภานพ เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุ ได้มีการประสานข้อมูลเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ใช้ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า ประสานงานกับ ศูนย์วิทยุนารายณ์ เป็นหลัก เริ่มจากเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุได้รับสายโทรศัพท์จากเด็กผู้ก่อเหตุ โดยมีตำรวจเป็นตัวกลางนำข้อมูลการเจรจาส่งให้กับตำรวจในพื้นที่ เพื่อวางแผนเข้าระงับเหตุ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีแนวคิดที่จะผลักดันให้มี 191 แห่งชาติ คือ ให้ 191 ทุกจังหวัดมีประสิทธิภาพเหมือนกับ 191 ในกรุงเทพมหานคร อีกทั้ง ยังฝากถึงประชาชนขอความร่วมมือว่า อย่าโทรศัพท์มาป่วน หรือแจ้งเหตุเท็จกับสายตรวจ 191 เพราะในยามคับขันสายโทรศัพท์ดังกล่าว อาจมีความสำคัญต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่