"ทนายอนันต์ชัย" ประกาศความมั่นใจ ช่วยลูกความสู้คดี เตือนคนไม่หวังดี ระวังโดนเอาคืนย้อนหลัง ลั่นสัปดาห์หน้ามีบิ๊กเซอร์ไพรส์ ไม่มีมวยล้มต้มคนดูแน่ ด้าน "บิ๊กโจ๊ก" ยินดี "บิ๊กต่อ" หลังได้ตำเเหน่ง ผบ.ตร. พร้อมร่วมงานด้วย ยัน ไม่มีปัญหากัน 

เมื่อเวลา 17.50 น. วันที่ 27 กันยายน 2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. และตำรวจทั้ง 8 นาย ได้เดินทางมาถึงสำนักงานทนายความอนันต์ชัย ก่อนเดินเข้าไปในสำนักงานเพื่อพูดคุยกับทนายอนันต์ชัย โดยไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน

ต่อมาเวลา 18.10 น. ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และตำรวจ อีก 8 นาย ที่โดนออกหมายจับ ร่วมกันแถลงโดยทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า วันนี้ตนเองได้เชิญทั้งหมดมาพูดคุยกันเพื่อหารือแนวทางเตรียมต่อสู้คดี และตอนที่พูดคุยกันนั้น ตนเองจะบอกกับพวกเขาตลอด ว่าเวลาไปจับคนร้ายเราเปิดหน้า ดังนั้นเมื่อวันนี้เราตกเป็นผู้ต้องหาถูกออกหมายจับ ก็ขอให้ทุกคนเปิดหน้าสู้ จึงเป็นที่มาของภาพที่ปรากฏวันนี้ ทุกคนพร้อมแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะมั่นใจว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา เพราะถึงแม้ว่ามินนี่จะเป็นเจ้าของเว็บพนันออนไลน์ ก็มีความเป็นไปได้ว่าตำรวจก็อาจจะไม่ทราบ โดยเฉพาะ พล.ต.ต.ภาคภูมิ เป็นบุคคลเดียวที่รู้จักกับมินนี่ แต่ไม่ทราบว่ามินนี่ไปทำเว็บพนันออนไลน์หรือไม่ เนื่องจากมินนี่เองก็เป็นนักธุรกิจอยู่แล้ว ดังนั้นในเรื่องคดีอาญาอยู่ที่เจตนา ว่าเงินดังกล่าว หากไม่ทราบว่าได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย ก็ถือว่าจบไม่มีความผิด แต่ถ้าหากทราบว่าเงินดังกล่าวได้มาจากเว็บพนันจึงจะถือว่ามีความผิด 

ทนายอนันต์ชัย ยังฝากถึงชุดพนักงานสอบสวน สอท.ว่าให้ระวังตัวไว้ ตนเองจะเช็กบิลย้อนหลังแน่นอน งานนี้ไม่มีมวยล้มต้มคนดู ขณะเดียวกันยังขอฝากไปถึงบุคคลบางคน ที่เอาข้อมูลส่วนบุคคลรวมไปถึงข้อมูลทางราชการไปเผยแพร่ขอให้ระวังตัวไว้ ผมเอาตายเเน่ การกระทำใดๆ ขอให้ระมัดระวัง ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าทำในสิ่งที่ถูกใจ "เมื่อมาสู้กับผมแล้วจะรู้ว่านรกมีจริง" 

...

ดังนั้นในฐานะทนายความ ตนเองจะทำความจริงให้ปรากฏ หากใครผิดก็ยอมรับผิด แต่หากใครไม่ผิดก็ต้องให้ความเป็นธรรม ส่วนการถูกโยกย้ายเป็นเรื่องปกติ ยกตัวอย่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ยังเคยโดนย้ายไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี สุดท้ายก็กลับมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติได้ ดังนั้นเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เจออยู่ในขณะนี้ กระจอกมาก ส่วนเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ไปยื่นคำร้องที่ศาลอาญา เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีถูกชุด PCT4 ตรวจค้นบ้าน เบื้องต้นศาลมีคำสั่งให้นัดไต่สวนฯ คำร้องในวันที่ 25 ต.ค. 2566 

โดยทนายอนันต์ชัย ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า สัปดาห์หน้าให้จับตาดูให้ดีจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ อย่างแน่นอน แต่ยังไม่ขอระบุว่าเรื่องอะไร 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในเรื่องของคดีความนั้น ตนเองได้มอบหมายให้ทนายอนันต์ชัยเป็นผู้ดูแล และเป็นผู้ให้รายละเอียดกับสื่อมวลชน ส่วนกรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ตนเองไม่ขอออกความคิดเห็นในเรื่องนี้ ตนเองก็ต้องแสดงความยินดีด้วยอยู่เเล้ว ซึ่งส่วนตัวก็พร้อมที่จะทำงานร่วมกัน ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากัน 

พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย หรือหนึ่ง เผยว่า ตัวเองรู้จักกับมินนี่ตั้งแต่ปี 63 ตอนที่ตัวเองไปเป็นผู้กำกับที่จังหวัดเลย เจอกันที่งานเลี้ยงปลายปี ก่อนจะย้ายไปที่ขอนแก่น 2-3 เดือนเจอกัน 2-3 ครั้ง แต่ตอนนั้นตัวเองรู้จักแม่ของมินนี่ก่อน เพราะแม่มินนี่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นและเป็นคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามบริหารงานตำรวจที่ตัวเองทำงานอยู่ หลังจากนั้นก็ย้ายมาขอนแก่น จากนั้นภรรยาตนไม่สบาย แล้วไม่เคยติดต่ออะไรกันเลยผ่านไปถึง 2 ปี ถึงมาเจอกันอีกต้นปี 2566 ที่งานเลี้ยงร้านอาหารบ้าง สุดท้ายแล้วเรื่องทั้งหมดต้องให้มินนี่ออกมาพูดเพราะได้รับความเสียหายเช่นกัน 

ส่วนตัวมินนี่เองชอบถ่ายรูปลงโซเชียล ตนก็เตือนบ่อยๆ เพราะก็กลัวภรรยาเห็นเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ลงอยู่ดี ส่วนเว็บพนันนั้น ยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง ส่วนบัญชีที่มีอยู่ตลอดชีวิตก็มีแค่บัญชีเดียวตั้งแต่รับราชการ 

พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวอีกว่า ล่าสุดที่คุยกับมินนี่ช่วงที่ถูกจับตอนเดือน ก.ค.มินนี่โทรเบอร์มาบอกว่าถูกจับ ขอคำปรึกษา ตัวเองก็ให้ไปประกันตัวที่ถูกจับ หลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกเสียใจที่ทำให้พ่อแม่เสียชื่อเสียง วงศ์ตระกูลเสียหาย ทำให้ภรรยาลูกได้รับผลกระทบ ไม่ใช่แค่ฝ่ายตัวเองฝ่ายครอบครัวมินนี่เองก็เสียหาย รวมถึงผู้บังคับบัญชา ยืนยันอีกครั้งว่าต้นเหตุทั้งหมดเกิดจากตัวเอง คนอื่นๆ ไม่เกี่ยวข้อง และอยากจะขอโทษทุกๆ คน  

ขณะที่ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ระบุว่า วันนี้ไม่ได้วิตกกังวลหรือเครียดอะไร เพราะเรื่องจริงก็คือเรื่องจริง ความจริงก็คือความจริง ข้อเท็จจริงก็ต้องไปพิสูจน์ทราบกันต่อไปในภายภาคหน้า ทีมข่าวสอบถามว่ามองว่าเรื่องนี้เหมือนถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ พล.ต.ต.นำเกียรติ กล่าวว่า วันหน้าเราจะทราบกันเองว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ทั้งการออกหมายจับตำรวจ ใช้คำนำหน้าว่า “นาย” ซึ่งถ้าในระดับพลตำรวจตรีแล้ว ก็ต้องรู้อยู่แก่ใจว่าตำรวจคงไม่หลบหนี และก็ไปต้องมอบตัวเอง แต่นี่ก็ต้องมองว่ามีเจตนาอะไรหรือไม่ ส่วนช่วงตอนจับกุมตัวเองนั้น ก็เป็นไปตามภาพที่ปรากฏ แล้วแต่สื่อจะพิจารณา ทุกคนเห็นภาพก็พิจารณาตัดสินใจได้ ขอไม่กล่าวถึงใคร

ในขณะที่ พ.ต.อ.เขมรินทร์ ยอมรับว่ารู้จักกับมินนี่ โดยผ่านจาก พ.ต.อ.ภาคภูมิ ซึ่งเป็นพี่ชายเป็นคนแนะนำให้รู้จัก เท่าที่จำได้เคยเจอกันเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น เป็นร้านอาหารหนึ่งครั้ง และเป็นที่สถานบันเทิงอีกหนึ่งครั้ง ทุกครั้งที่เจอกัน เนื้อหาส่วนใหญ่ที่มีการพูดคุยก็จะเป็นเรื่องของกฎหมาย ซึ่งมินนี่ก็ได้มีการถ่ายรูปคู่กับตนแล้วส่งไปให้ พ.ต.อ.ภาคภูมิดู เป็นเรื่องที่มีคนนำมาเชื่อมโยงกันว่าตนมีความสนิทสนมกับมินนี่

...

ส่วนใหญ่ตนเองและพี่ชาย ก็ไม่ค่อยมีเวลาได้มาเจอกันอยู่แล้วเพราะต่างคนต่างทำงานคนละพื้นที่ จึงทำให้ตนไม่ทราบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมินนี่และพี่ชาย ส่วนเรื่องของหมายจับหลังจากที่เห็นหมายจับมาถึงบ้านก็ยอมรับว่าตกใจ เพราะตัวเองโดนข้อหาเรื่องของการพนัน และฟอกเงิน และยังพบข้อพิรุธในหมายจับที่ไม่ได้มียศนำหน้า ส่วนอาชีพก็มีการระบุว่ารับจ้างเท่านั้น ไม่ใช่การรับราชการตำรวจ ซึ่งประเด็นนี้ได้นำเรื่องให้กับทนายความเป็นคนตรวจสอบแล้ว 

ส่วนเรื่องบัญชีธนาคาร ยืนยันว่าไม่ได้มีบัญชีม้าเพราะตลอดชีวิตการรับราชการมีเพียงบัญชีเดียวที่เอาไว้ใช้รับเงินเดือนโดยเปิดไว้ตั้งแต่เป็นยศร้อยตำรวจโท ดังนั้นตนเองไม่มีความจำเป็นที่จะนำบัญชีไปรับเงินที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะมันไม่คุ้มกัน

พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ ได้พูดสั้นๆ กับผู้สื่อข่าว ถึงประเด็นเรื่องไปพัวพันกับบัญชีม้า ของเครือข่ายของพนันออนไลน์มินนี่ ว่า ตนเองไม่ขอพูดเรื่องดังกล่าว ขอให้ทนายอนันต์ชัยเป็นคนพูดแทน เพราะตนเองได้บอกรายละเอียดทั้งหมดไปแล้ว 

ส่วน ประเด็นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่าได้นำเงินส่วนตัวมาให้ตนไปบริหารจัดการนั้น ขอให้บิ๊กโจ๊กและทนายเป็นคนชี้แจง พร้อมยืนยันว่า “ตัวเองบริสุทธิ์กับเรื่องที่เกิดขึ้น” เมื่อถามว่าตนติดการพนันหรือไม่ มีปัญหาทางด้านการเงินหรือไม่ ก็ตอบว่า ผมไม่เล่นการพนันทุกอย่างมอบให้ทนายไปหมดแล้ว