กองปราบฯเร่งเครื่องสางคดีกำนันนก จ่อลงดาบตำรวจที่อยู่ในงานเพิ่มอีก ผบ.ตร. แจงโอนคดีไม่ลิดรอนอำนาจ ตัวแทน 20 บริษัทตบเท้าเข้าพบ ดีเอสไอ แจงคดีฮั้วประมูลก่อสร้าง พร้อมชงเรื่องเป็นคดีพิเศษ ส่วน “รองโจ๊ก” ฟิตวิดีโอคอลหารือรายละเอียด ขณะที่พ่อเมืองนครปฐมติวเข้มกำนันและผู้ใหญ่บ้าน “ชาดา” ย้ำล้างมาเฟีย 6 เดือนเห็นผล
ตำรวจประสานหลายหน่วยงานลุยสอบขยายผลบริษัทของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก อายุ 35 ปี อดีตกำนันตำบลตาก้อง อ.เมืองนครปฐม เกี่ยวพันการฮั้วประมูลงานก่อสร้างเป็นเงินก้อนโต ดีเอสไอเรียกสอบ 20 บริษัทที่ถอนตัวไม่ยื่นซองแข่งกำนันนก ส่วนคดีความ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งโอนคดีจาก บช.ภ.7 ส่งไม้ต่อให้ตำรวจ บก.ป.รับสางคดียิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือ สว.ศิว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. คางานเลี้ยงบ้านกำนันนก ตำรวจร่วมงานในที่เกิดเหตุให้การขัดแย้งกับภาพกล้องวงจรปิดที่กู้คืนมาได้เข้าข่ายให้การเท็จและความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ อยู่ระหว่างการสอบสวน
...
พบประจักษ์พยานเข้าข่ายความผิด
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีกำนันนก ร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ สว.กก.2 บก.ทล. ที่ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้านของ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก พ.ต.อ.วิวัฒน์ ในฐานะโฆษกชุดสืบสวนคลี่คลายคดี กล่าวว่า การรับโอนคดีมาสอบสวนต่อจากตำรวจภูธรภาค 7 ไม่ใช่เป็นการรื้อคดีมาทำใหม่ แต่เป็นการทำต่อเนื่องมุ่งเน้นการตรวจสอบข้อเท็จจริงในที่เกิดเหตุ และข้อกฎหมายเพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เกี่ยวข้อง ส่วนกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุทั้ง 15 ตัว จะมีกล้อง 2 ตัว บันทึกภาพไว้ได้เพียงถึงเดือนสิงหาคม ส่วนอีกตัวที่เป็นจุดเกิดเหตุบันทึกภาพไว้ได้ถึงเพียงเวลา 10.00 น. แต่ยืนยันว่าตำรวจมีประจักษ์พยานที่จะให้ข้อมูล เพื่อดำเนินคดีกับตำรวจที่เข้าข่ายความผิด
จ่อลงดาบเพิ่มตำรวจอยู่ในงาน
พ.ต.อ.วิวัฒน์กล่าวต่อว่า ส่วนรายชื่อตำรวจทั้ง 13 นาย ก่อนหน้าที่พบว่าอาจจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 นั้น ต้องขอเวลาตรวจสอบพยานหลักฐาน และนำมาไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียดก่อน คาดว่ากลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจภายในงานเลี้ยงที่จะถูกดำเนินคดีอาจจะมีมากกว่า 6 นาย ที่ถูกดำเนินคดีจากการให้การช่วยเหลือกำนันนกไปก่อนหน้านี้ ถึงแม้จะอ้างว่าไปร่วมงานเลี้ยงนอกเวลาราชการ แต่หากเป็นตำรวจแล้วจะต้องมีหน้าที่ในการควบคุมสถานการณ์ และระงับเหตุให้ได้ นอกจากนั้นคณะทำงานจะทำเรื่องถึงศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 เพื่อขอย้ายการฝากขังตัวผู้ต้องหาในคดีมาควบคุมตัวในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จะต้องย้ายมาจากเรือนจำกลางจังหวัดสมุทรสงครามมาที่เรือนจำกลางพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อป้องกันการแทรกแซงของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ส่วนผู้ต้องหาทั้งตำรวจและอดีตกำนันนกจะถูกคุมขังอยู่ที่เดียวกันหรือไม่ขึ้นอยู่กับระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ภายในสัปดาห์หน้า คดีนี้จะมีความคืบหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะการแจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจที่พบความผิด ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องเรียกตำรวจที่เคยให้การไปแล้วมาให้ปากคำใหม่ แต่ชุดทำงานลงพื้นที่ไปสอบปากคำพยานคนอื่นเพิ่ม เพื่อตรวจสอบว่าขัดแย้งกับคำให้การเดิมหรือไม่ หากตำรวจนายใดให้การเท็จ หรือมีความผิดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาทันที
ตรวจกล้องบ้านกำนันอีกรอบ
มีรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 18 ก.ย. ตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ไปยังสำนักงานบ้านของกำนันนก ต.ตาก้อง อ.เมืองนครปฐม เพื่อไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด 2 ตัวที่มีปัญหา เพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีปัญหาอย่างไร หลังจากชุดคลี่คลายคดียิงสารวัตรศิวเสียชีวิตระบุว่า กำนันนกปิดสวิตช์กล้องวงจรปิด 2 ตัวสำคัญตั้งแต่เวลา 10.16 น. วันที่ 6 ก.ย. เป็นมุมที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถกู้ไฟล์ภาพช่วงนี้มาได้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตั้งแต่จุดติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณบ้านที่เป็นห้องกระจกใกล้กับสระว่ายน้ำ นำช่างที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดมาร่วมชี้จุดอธิบาย พร้อมสอบถามข้อเท็จจริงด้วย บริเวณจุดนี้กล้องวงจรปิดจะถูกติดตั้ง 2 มุมของห้องกระจก เป็นมุมที่สามารถส่องมองเห็นโต๊ะจีนในวันเกิดเหตุได้อย่างชัดเจน เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงไปประกอบสำนวนคดีคลี่คลายข้อสงสัยดังกล่าว
ไม่ถือว่าเป็นการลิดรอนอำนาจ
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีการโอนคดีนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ไปให้ บก.ป. รับผิดชอบ ว่า กรณีดังกล่าว ไม่ใช่การไม่พอใจการดำเนินงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ความจริงไม่ใช่ตามที่กระแสสังคมระบุ เป็นการตีความที่คลาดเคลื่อน ในคดีที่ตำรวจ ถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ บช.ภ.7 เป็นเจ้าของสำนวนเสนอเรื่องมาว่าหลักฐานส่วนใหญ่ในคดีการเสียชีวิตอยู่ที่กองปราบฯเรียบร้อยแล้ว ตนอนุมัติคดีให้กองปราบฯรับผิดชอบเพียงเท่านั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลทุกอย่าง ไม่ได้ถือว่าเป็นการลิดรอนอำนาจ ยืนยันว่า เป็นการตีความผิดไปเอง คดีการเสียชีวิตของ พ.ต.ต.ศิวกรเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล เล็งเห็นว่า หากทาง บช.ภ.7 ดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่อาจจะหนักใจ อาจจะมีข้อมูลรั่วไหล หรืออาจจะมีตำรวจในพื้นที่ รู้จักเป็นการส่วนตัวกับผู้ต้องหา สำหรับคดีความผิด เกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่จำเป็นที่จะต้องโอนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการภายใน 30 วันอยู่แล้ว การที่โอน คดีมาที่กองปราบฯ จึงไม่ได้แตกต่างอะไรเป็นพิเศษ
...
ดีเอสไอตรวจนำร่อง 2 โครงการ
ส่วนกรณีกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ “กองฮั้วประมูล” กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกหมายเรียก 58 บริษัท ที่เคยยื่นซื้อซองราคาในโครงการจัดซื้อ จัดจ้างภาครัฐ แต่ไม่เข้าร่วมในขั้นตอนการประกวด ราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) นำร่อง 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการประกวดราคาจ้างเหมาทำการก่อสร้าง ทางหลวงหมายเลข 375 สาย อ.ดอนตูม-ต.ลำลูกบัว (ปีงบประมาณ 2560) งบประมาณ 300 ล้านบาท และ 2.โครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย ต.ลำลูกบัว-บรรจบทางหลวงหมายเลข 346 (ปีงบประมาณ 2564) งบประมาณ 350 ล้านบาท เป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทของ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ“กำนันนก” หรือบริษัททั้งหมดถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าร่วมการประมูลโครงการหรือไม่นั้น มาสอบปากคำวันที่ 18-20 ก.ย.นี้
ตัวแทน 20 บริษัทเข้าให้การ
ที่กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ “กองฮั้วประมูล” กรมสอบสวนคดี พิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ มีบรรดาตัวแทนอีก 20 บริษัท เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน คดีพิเศษ ตามหมายเรียกเข้าให้ปากคำในฐานะพยาน แบ่งเป็น 10 บริษัท เคยยื่นซื้อซองประมูลในโครงการประกวดราคาจ้างเหมาทำการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย อ.ดอนตูม-ต.ลำลูกบัว (ปีงบประมาณ 2560) ได้แก่ บริษัท ท่าราบก่อสร้าง จำกัด, บริษัท โอ.เอ็น. คอนสตรัคชั่น จำกัด, บริษัท ซีโก้ทรานสปอร์ต จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด สุนิสาจุฬารัตน์การโยธา, ห้างหุ้นส่วน จำกัด ที.เจ.เอ็น.เทรดดิ้ง, ห้างหุ้นส่วนจำกัด มาตรศรีจักรกล, บริษัท กษิดิศเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด, บริษัท เจริญกิจ ซี.เค จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด กิจสินเลิศ และ หจก.ว.ประยูรก่อสร้าง (1984) ส่วนอีก 10 บริษัท เคยยื่นซื้อซองประมูลในโครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 375 สาย ต.ลำลูกบัว- บรรจบทางหลวงหมายเลข 346 (ปีงบประมาณ 2564) ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สุวรรณกิจกำแพงก่อสร้าง, บริษัท โรจนากรพาณิช (1981) จำกัด, บริษัท เอส.โอ.เอ็น.เอ็นจิเนียริ่ง.จำกัด, บริษัท บุญสหะการสร้าง จำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด น้องเล็กสถาปัตย์, ห้างหุ้นส่วน จำกัด ประโยชน์การโยธา, บริษัท กรีนไลท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท เทิดไท แอนด์ โค จำกัด, บริษัท พรรณีวรกิจก่อสร้างและขนส่ง จำกัด และบริษัท ธาราวัญ คอนสตรัคชั่น จำกัด
...
เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษทุกประเด็น
ด้านแหล่งข่าวดีเอสไอ ระบุว่า พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ รายงานความคืบหน้าให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมทราบเป็นระยะๆ พนักงานอัยการที่เชี่ยวชาญกฎหมายท่านหนึ่งให้ความเห็นว่า “กำนันนก” มีพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษทุกประเด็นตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ม.21 วรรค 1 (ง) คดีความผิดทางอาญาที่มีผู้ทรงอิทธิพล ที่สำคัญเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน และเมื่อดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว คาดภายในสัปดาห์นี้กฎหมายบังคับให้พนักงานอัยการมาทำการร่วมสอบสวนกับดีเอสไอ ตั้งแต่เริ่มต้นคดีจะมีรูปแบบการดำเนินคดีตามมาตรฐานสากลคล้ายกับคดีสำคัญหรือคดีผู้มีอิทธิพลที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
ทุกบริษัทต้องมาเข้าชี้แจง
ส่วนการสอบปากคำวันแรก (18 ก.ย.) บริษัทเข้ามาพบดีเอสไอจำนวน 12 บริษัท ให้ข้อมูลตามเอกสารที่ปรากฏ ส่วนอีก 8 บริษัทขอเลื่อน ให้เหตุผลว่ากำลังเตรียมเอกสารและเนื้อหารายละเอียดยังไม่ครบ บางรายชี้แจงว่าตัวแทนผู้จัดการบริษัทไม่สะดวกเพราะหมายเรียกกระชั้นชิดเกินไป อย่างไรก็ตาม ทุกบริษัทต้องเข้ามาชี้แจงเพราะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบ หากไม่มาพบตามนัดหมายที่กำหนดโดยไม่แจ้งเหตุหรือมีเหตุอันสมควรอย่างอื่น อาจจะมีความผิดตามกฎหมาย มีโทษจำคุก 1 ปีตามกฎหมายดีเอสไอ ด้านตัวแทนของบริษัท กษิดิศ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เดินออกมาจาก
ห้องกองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของภาครัฐ ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าเหตุใดถึงถอนตัวไม่ร่วมยื่นประมูลโครงการดังกล่าวต่อ บอกว่าตนไม่ได้ยื่นประมูล และไม่รู้จักกับกำนันนก ส่วนวันนี้ตนเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้ว
...
“รองโจ๊ก” วิดีโอคอลเร่งคดีฮั้ว
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ในฐานะประธานคณะทำงานคลี่คลายคดีการฮั้วประมูลกำนันนก วิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากประเทศจีนมายังที่ประชุมตำรวจภูธรภาค 7 มี พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท. และ พล.ต.ท.อุทัย กวินเดชาธร รอง ผบช.ภ.7 ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปท., สำนักงานป้องกันและปรบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช., สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง., สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.,สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือ ป.ป.ส., กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ, กรมบัญชีกลาง, กรมสรรพากร และกองปราบปราม ตำรวจสอบสวนกลาง, ตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดการประมูลโครงการต่างๆ ของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก สืบเนื่อง
จากการตรวจค้นเครือข่ายกำนันนกทั้ง 15 จุด รวมถึงบริษัทรับทำบัญชีในพื้นที่ จ.นครปฐม เจ้าหน้าที่ตรวจยึดเอกสารสำคัญจำนวนมากเพื่อตรวจสอบ และขยายผลว่าเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกับเอกชนหน่วยงานไหนที่มีการฮั้วประมูลหรือหลีกเลี่ยงภาษี ถือว่ามีความผิดต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน และต้องไม่เลือกปฏิบัติ
เจ้าหน้าที่มีเอี่ยวชงเรื่อง ป.ป.ช.
นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กำชับเรื่องการฮั้วประมูล หลีกเลี่ยงภาษี และเส้นทางการเงินที่ไม่ถูกกฎหมาย จะดูจากข้อมูลทั้งหมดของกรมบัญชีกลาง เบื้องต้นพบมีทั้งหมด 1,544 โครงการ ต้องกลับไปดูว่างานทุกอย่างที่ได้มานั้นถูกต้องหรือไม่ การที่มีหลายหน่วยเข้ามาช่วยตรวจสอบจะทำให้เกิดความเป็นธรรมและชัดเจน ต้องตรวจสอบด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ หากพบว่ามีการฮั้วประมูลและเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องจะดำเนินการ
ในส่วนงานของ ป.ป.ช.ที่ดูแลในส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทของกำนันนกไม่เคยถูกร้องเรียนเรื่องฮั้วประมูลมาก่อน เพราะไม่มีใครกล้าร้องเรียน แต่ถ้าตรวจสอบจะมีข้อมูลทั้งหมด โดยเฉพาะมีรายงานว่า ผู้ที่ถูกยิงรถยิงบ้านจะประสานเข้ามาให้ข้อมูลด้วย
ประชุมกำชับกำนันและผู้ใหญ่บ้าน
นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผวจ.นครปฐม เรียกประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้านและทุกตำบลรวม 903 คน เพื่อเข้าอบรมเรื่องบทบาทหน้าที่ของกำนันผู้ใหญ่บ้าน และเป็นผู้ช่วยนายอำเภอตามกฎหมายมีหน้าที่ในการดูแลบรรเทาทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนถึงหมู่บ้านทุกตำบล ภายหลังการประชุมเสร็จ นายสุรศักดิ์กล่าวว่า หลังเกิดเหตุยิงกันมีกำนันนกตกเป็นผู้ต้องหา ต้องมาทบทวนกำชับว่ากำนันผู้ใหญ่บ้านถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ของกฎหมาย ส่วนเรื่องปืนนั้นการอนุญาตให้มีและใช้ปืนตามกฎหมาย ไม่ได้อนุญาตให้พกพาไปไหนโดยมีและใช้เก็บไว้ในเคหสถาน ผู้ที่จะพกพาคือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายหรือตำรวจ สำหรับบุคคลอื่น จ.นครปฐมไม่ออกใบอนุญาตให้พกพาอยู่แล้ว ส่วนประเด็นในเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐใช้สิทธิ์ราชการซื้อปืนเพื่อให้กำนันนำไปให้ลูกน้องใช้ ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าปืนที่จำหน่ายออกไปแล้วผิดมือมากน้อยเพียงใด
รวบรวมฐานข้อมูลผู้มีอิทธิพล
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินการอย่างไรกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือนักการเมืองท้องถิ่นที่เป็นปัญหา นายสุรศักดิ์กล่าวว่า จากฐานข้อมูลเดิมที่ฝ่ายความมั่นคงหลายหน่วยงานรวบรวมจะใช้แนวนโยบายที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย มอบไว้ จะต้องมาดูว่าปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เมื่อถามว่า บริษัท 2 ป.ประกอบบริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง และบริษัท ป.รวีกนก ของกำนันนกจะถูกขึ้นแบล็กลิสต์หรือไม่ ผู้ว่าฯตอบว่า เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเข้าข่ายเป็นการฮั้วประมูลหรือสมยอมราคากัน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่การขึ้นแบล็กลิสต์เป็นเรื่องที่กระทรวงการคลัง
กำหนดคุณสมบัติอยู่แล้ว
“ชาดา” ล้างมาเฟีย 6 เดือนเห็นผล
ที่พรรคภูมิใจไทย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ระบุว่า หากแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล 6 เดือนไม่สำเร็จพร้อมพิจารณาตัวเองว่า ขอชี้แจงจากคำสัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นประโยคที่ติดต่อกัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิด บอกว่า 6 เดือนจะเริ่มเห็นผลภาพเริ่มชัดขึ้น ที่ผ่านมาปราบปรามผู้มีอิทธิพลมาหลายครั้งแล้วเปรียบเสมือนไฟไหม้ฟางวูบวาบ แต่ตนไม่ต้องการทำงานแบบนี้ ต้องใช้เวลารวบรวมข้อมูล ตรวจสอบให้เป็นธรรม เช่น ตามหลักอาชญาวิทยา คนไหนถ้าเลิกหรือเลิกจริงๆตนจะให้โล่ แต่ถ้าทำอีกจะหนักกว่าเดิม 2 เท่า ส่วนใครที่ประพฤติดีต้องตอบแทน แต่ถ้าเลวเราต้องจัดการ ขอย้ำเรื่องนี้ไม่ได้แก้ตัว แต่บอกว่า 6 เดือนจะเข้มข้นขึ้น พร้อมยืนยันนำทุกทฤษฎีมาใช้เพื่อไม่ให้ปัญหาผู้มีอิทธิพลเกิดขึ้นโดยไม่จบไม่สิ้น ส่วนความคืบหน้าในการทำบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพล ขณะนี้แต่ละส่วนดำเนินการแล้ว เมื่อถามว่า หนักใจพื้นที่ใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายชาดาหัวเราะก่อนตอบว่า ไม่มีอะไรหนักใจ มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย มอบอำนาจให้มาก็ทำอย่างเต็มที่ อย่างที่บอกว่าไม่มีใครใหญ่กว่าผม ที่ใหญ่กว่าผมคือนายกฯเศรษฐา และหัวหน้าพรรคของผม
ร้องยื่นสอบกำนันนกและเครือข่าย
ที่สโมสรตำรวจ นายสนธิญา สวัสดี เดินทางไปเพื่อสนับสนุนในนามของภาคประชาชน พร้อมยื่นเอกสารประกอบตรวจสอบบริษัทเกี่ยวกับการฮั้วประมูล และเกี่ยวกับการรับส่วยของเจ้าหน้าที่คดีกำนันนก เพื่อให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.พิจารณา นายสนธิญากล่าวว่า วันนี้ตนยื่นซ้ำให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ทราบ 3 ประเด็นด้วยกันคือ ประเด็นที่ 1 มายื่นเพื่อให้กำลังใจ ภายหลัง ผบ.ตร.มีคำสั่งให้ตำรวจ บก.ป.ทำคดีกำนันนก เนื่องจากคดียิงสารวัตรศิวและมีตำรวจอีกท่านหนึ่งบาดเจ็บไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่ว่าตำรวจ 29 นาย หรือชาวบ้านนั่งอยู่ในงาน ประเด็นต่อมาคือประเด็นที่ตนเคยเรียกร้องมาตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 29 นาย นอกจากมีคำสั่งให้ย้ายไปแล้ว แต่ตนต้องการให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน และประเด็นที่มายื่นอาจจะซ้ำกับดีเอสไอ กรณีบริษัทหนึ่งตั้งอยู่ใน จ.ราชบุรีแต่ไปประมูลงานที่ จ.สมุทรสาคร ต้องการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตรวจสอบว่าบริษัทนั้นเป็นคู่ร่วมประมูลร่วมกับบริษัทกำนันนกหรือไม่ เนื่องจากตรวจสอบพบความผิดปกติ เรื่องของการลดราคาการประมูล