แม่ช้ำใจ ลูกชายเสพยาจนเพี้ยน ตำรวจเข้าทำการตรวจค้นกลับคลุ้มคลั่งจุดไฟเผาบ้านตัวเอง ตรวจค้นพบอาวุธปืนอีก จึงดำเนินคดี ขณะที่เพื่อนบ้านผวาไม่กล้าอยู่บ้าน เหตุเคยโดนปืนยิงกำแพงหลายนัด


เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 66 ที่ จ.เชียงราย เกิดเหตุกรณีชายคลุ้มคลั่ง จุดไฟเผาบ้านตนเองวอดทั้งหลัง และพยายามขัดขืนการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนต้องประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษจาก ภ.จว.เชียงราย ร่วมทำการจับกุม 


โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ดอยหลวง และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงราย ได้สืบทราบว่า นายวงศกร (ผู้ก่อเหตุ) มีพฤติกรรมชอบประดิษฐ์อาวุธปืนใช้เอง และเสพยาเสพติด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำหมายศาลจังหวัดเชียงรายเข้าทำการตรวจค้น แต่เมื่อไปถึงนายวงศกร กลับไม่ยอมให้เข้าทำการตรวจค้น และเกิดอาการคลุ้มคลั่งและเผาบ้านตัวเอง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ประสานงานขอรถดับเพลิงเพื่อระงับเหตุ และสามารถควบคุมตัวนายวงศกรได้ในที่สุด แต่บ้านทั้งหลังก็ถูกเผาจนเหลือแต่โครงสร้าง  


เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดอาวุธปืนอัดลมไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนปากกาไทยประดิษฐ์ ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก ลูกกระสุนปืน ขนาด.22 จำนวน 3 นัด พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาว่า “วางเพลิงเผาทรัพย์, มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนนำส่งให้กับพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

...


ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ที่บ้านเลขที่ 77 ม.5 ต.ปงน้อย อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย พบว่าบ้านหลังเกิดเหตุซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ ส่วนที่เป็นไม้และทรัพย์สินภายในบ้านถูกไฟเผาวอดทั้งหมด สอบถามนางอุทัย วรรณสิงห์ อายุ 53 ปี เจ้าของบ้านและเป็นมารดาของผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ตนอาศัยอยู่กับลูกชายซึ่งก็คือนายวงศกร จุมพิลา อายุ 27 ปี โดยตนประกอบอาชีพทำสวนยางพารา รับจ้างกรีดยาง และทอเสื่อขาย ส่วนลูกชายป่วยด้วยโรคมะเร็งในช่องปาก ไม่ได้ทำงานอะไร ปกติเวลาอยู่บ้านลูกชายก็จะนำรถมอเตอร์ไซค์เก่าเอามาแกะซ่อมบ้าง และเคยมีประวัติเสพยาบ้า มาขอเงินตนบ่อยครั้ง ถ้าตนมีก็ให้ ถ้าไม่มี ก็ไม่ให้ ที่ผ่านมาลูกชายก็ไม่เคยมีอาการคลุ้มคลั่ง หรือขนาดทำร้ายร่างกายคนอื่นมาก่อน จะมีการทุบทำลายข้าวของก็มีบ้าง 


นางอุทัย เล่าต่อว่า ในวันเกิดเหตุตนไปนอนที่บ้านของแม่ซึ่งอยู่ถัดไปไม่กี่หลัง จนช่วงกลางดึกลูกชายก็มาบอกว่าบ้านถูกเผาไปแล้ว ตอนแรกที่ได้ฟังตนก็ยังไม่เชื่อ คิดว่าลูกคงพูดเล่น แต่พอไปดูที่บ้านก็พบว่าบ้านกำลังถูกไฟไหม้จริง จึงได้ช่วยกันกับชาวบ้านดับไฟและแจ้งเจ้าหน้าที่มาระงับเหตุ แต่ก็มาดับไฟไม่ทันเพราะบ้านชั้นบนเป็นไม้ และยังมีเสื่อที่ทอไว้เตรียมขายอีกประมาณ 300 ผืน (ราคาขายประมาณผืนละ 200-350 บาท) ถูกไฟเผาวอดไปทั้งหมด เอาทรัพย์สินอะไรออกมาไม่ได้สักอย่าง เหลือแค่เพียงเสื้อผ้าที่เอาใส่กระเป๋าไปนอนที่บ้านแม่เพียงแค่ 3-4 ชุด 


"ตอนนี้ยังรู้สึกเคว้งคว้างคิดอะไรไม่ออก เสียดายบ้านและทรัพย์สินในบ้านที่อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบหาเงินและรับจ้างทำงานต่างๆ กว่าจะสร้างได้ขนาดนี้ ก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อ และยังไม่แน่ใจว่าลูกชายเป็นคนลงมือเผาเองหรือเปล่า" นางอุทัย กล่าว


ขณะที่เพื่อนบ้านใกล้เคียง ซึ่งไม่ประสงค์จะออกนาม ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูสภาพของแผ่นเมทัลชีทที่เอามากั้นเป็นกำแพงบ้าน และฝาผนังบ้านที่มีร่องรอยเป็นรูจำนวนมาก โดยบอกว่าเป็นร่องรอยที่ถูกผู้ก่อเหตุเผาบ้านใช้อาวุธปืนยิงใส่จนปรากฏเป็นอย่างที่เห็น และบอกด้วยว่าทุกวันนี้คนในบ้านต่างหวาดผวาไม่กล้าอยู่บ้าน เพราะกลัวจะโดนลูกหลงจากกระสุนปืนที่ผู้ก่อเหตุเอามายิงเล่น