จับ "ผิงผิง โคลนาซีแพม" นัดเดตผ่านแอปฯ หาคู่ โดยขึ้นข้อความว่า "สาวสอง ใครร้อนเงินทักมา" สุดอันตราย ล่อชายหนุ่มตกเป็นเหยื่อ ใช้การวางยามอมผู้เสียหาย แล้วรูดทรัพย์จนหมดตัว บางรายถูกทำร้ายขณะพยายามฝืนฤทธิ์ยา ขยายผลพบเป็นมือขวาบอสชาวไต้หวัน หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 แห่ง ในประเทศเพื่อนบ้าน

แผนประทุษกรรมสุดแสบ บดยา Clonazepam ไว้ก้นแก้วก่อนรินเบียร์ผสม พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบมือดีไล่ล่ากว่า 2 เดือน จนในที่สุดจับตัวได้ขณะกำลังหลบหนีออกชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน หลังจับกุมเจ้าตัวสารภาพทำเอาชุดจับกุมอึ้ง “เห็นคนล้มฟุบแล้วมีความสุข คิดว่ามีพลังวิเศษ” เสพติดต้องก่อเหตุเดือนละ 2-3 ครั้ง ขยายผลพบเป็นมือขวาบอสชาวไต้หวัน หัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 3 แห่ง ในประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 12 ก.ย. 66 พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.ชุด PCT 5, พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น ร.ต.อ.กฤษณะ ชนิดไทย ร.ต.อ.อำนาจ แป้นดวงเนตร ร.ต.อ.สุรศักดิ์ บุญนุ่ม ร.ต.อ.วทัญญู เริ่มประชาธิปไตย ร.ต.ท.คณาธิป ภูสมตา ส.ต.อ.ณัฐกิต เชื้อสุข ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ส.ต.ต.เมธิชัย คำดี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 112 ร่วมกันจับกุม นายอภิชาติ ศรีโคตร หรือ "ผิงผิง" อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 หมู่ 11 ต.หนองน้ำใส อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ตามหมายจับ 2 หมายจับ หมายจับศาลอาญาที่ จ.2174/2566 ลงวันที่ 10 ก.ค. 66 ข้อหา ลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืนพื้นที่ สน.สุทธิสาร และหมายจับศาลอาญาที่ จ.2963/2566 ลงวันที่ 11 ก.ย. 66 ข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนพื้นที่ สน.พญาไท ตรวจยึดของกลางบัตรประจำตัวประชาชน 6 ใบ เป็นของบุคคลอื่น รับว่าเป็นของบัญชีม้า โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง ของผู้ต้องหา 2 เครื่อง ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 เครื่อง เงินสด 25,000 บาท และยา Clonazepam 3 แผง เป็นยาที่ใช้มอมเหยื่อ

...

สืบเนื่องจาก นายอภิชาติ ศรีโคตร สาวประเภทสอง ก่อวีรกรรมกับเหล่าชายหนุ่มสายเหลืองได้อย่างแสบทรวง กลายเป็นมหันตภัยในยามวิกาลสำหรับชายหนุ่มในเมืองกรุง ตระเวนก่อเหตุ "วางยาและรูดทรัพย์" เหล่าชายหนุ่มที่ติดกับดักนับไม่ถ้วน แผนประทุษกรรม เริ่มต้นจากแอปฯ หาคู่ ผู้ต้องหาทำตัวเป็นสาวสองทรงเจ๊สายเปย์ สปีชีส์ตัวรับ ขึ้นข้อความทำนอง "สาวสอง ใครร้อนเงินทักมา" ล่อชายหนุ่มสายเหลืองต่างเข้ามาติดต่อพูดคุยแล้วนัดมาที่ห้อง โดยเตรียมการนำยา Clonazepam 3-10 เม็ด มาบดให้ละเอียดเทลงในแก้วน้ำที่เตรียมไว้ และเพิ่มความแนบเนียนด้วยการใส่น้ำแข็งเปล่าให้เต็มแก้ว ปิดบังคราบผงยาก้นแก้ว พอเหยื่อเข้ามาที่ห้องจะให้เงิน 1 พัน หว่านล้อมชักจูงให้ดื่มเบียร์ เมื่อเหยื่อเปิดกระป๋องเบียร์เทลงแก้วที่ถูกวางยาไว้ ดื่มเข้าไปง่วงซึม มึนศีรษะ สับสน จดจำสิ่งต่างๆ ไม่ได้ เกือบทุกรายล้มพับไปในไม่กี่อึดใจ บางรายพยายามฝืนต้านฤทธิ์ยา จะลงมือทำร้ายร่างกาย เช่น กระโดดถีบ ต่อยหน้า ตบหน้า ต่างๆ นานาโดยที่เหยื่อไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ จนกว่าเหยื่อจะสลบไป

โดยภาพการล้มพับของเหล่าชายหนุ่มสร้างความสุข ความสนุก ความสะใจ ทำให้รู้สึกว่าตัวเอง “มีพลังวิเศษ” เมื่อเหยื่อไร้สติ จะลงมือกวาดทรัพย์สินของเหยื่อไปจนเกลี้ยง รายใดโชคร้ายขับรถมาจะถูกขโมยไปด้วย ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ก.ย. 66 ลงมือก่อเหตุกับชายหนุ่มรายหนึ่ง ที่โรงแรมชื่อดังในซอยศรีอยุธยา 12 แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. ขโมยทรัพย์สินเงินสด โทรศัพท์ และรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ของเหยื่อไป มูลค่าความเสียหายประมาณ 200,000 บาท
ก่อนหลบหนีไป ผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สน.พญาไท

พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เร่งสั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สืบสวนทราบว่า สาวประเภทสองรายนี้คือ นายอภิชาติ ศรีโคตร อายุ 22 ปี กำลังหลบหนีออกไปทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อหลบหนีออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน พล.ต.ต.ธีรเดชส่งชุดสืบนครบาลและนักเรียนสืบสวน 112 ไล่ล่าติดตามไปถึงริมชายแดนกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้ขณะกำลังพยายามจะหลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน

นายอภิชาติ ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ใน ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ทำมานานกว่า 3 ปี หลอกคนไทยได้ยอดรวมประมาณล้านกว่าบาท ตนได้ค่าคอมมิชชันมา 400,000 บาท แต่เล่นการพนันหมด ปัจจุบันตนเป็นมือขวาของบอสชาวไต้หวันชื่อว่า นายเสี่ยว เฟ่ย เชียน เป็นเจ้าของคอลเซ็นเตอร์ 3 ตึกในปอยเปต ล่าสุดทำหน้าที่เป็น HR และคอยจัดหาบัญชีม้าให้กับบอสชาวจีน โดยจะเข้าๆ ออกๆ ประเทศกัมพูชาและประเทศไทยเป็นประจำ เพราะภาพการล้มพับของเหยื่อ ทำให้มีความสุข ความสนุก ความสะใจ มีครั้งหนึ่งตนเคยไปลองมอมยาใส่กลุ่มชายหนุ่มในสถานที่ท่องเที่ยวแล้วเห็นเหยื่อล้มฟุบพร้อมกัน 4 คน ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีพลังวิเศษ ตอนนี้เสพติดความสุขนี้ไปแล้ว จะหาเวลาว่างจากการทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เดือนละ 2-3 ครั้ง เพื่อเข้ากทม.มาก่อเหตุลักษณะนี้ เป็นความสุขส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็หวังจะได้ทรัพย์สินจากเหยื่อ จุดเริ่มต้นเกิดจากตนเคยถูกผู้ชายมามีเพศสัมพันธ์ด้วยแล้วโดนชายคนนั้นขโมยทรัพย์สินไประหว่างที่หลับ ถูกขโมยเงินไปกว่า 80,000 บาท จึงแค้นมากวางแผนล่อลวงชายคนนั้นมาและลองมอมยาแบบนี้เป็นครั้งแรก ตอนนั้นใส่ยาไปทั้งหมด 10 เม็ด จนล้มพับไป ขโมยของขโมยรถของชายคนนั้น จากนั้นก็รู้สึกสนุก สะใจ ติดเป็นนิสัยและก่อเหตุเรื่อยมา ยาที่ตนได้มานั้นไปหาหมอแล้วจะบอกว่าต้องการยาตัวนี้ ถ้าหมอคนไหนไม่ยอมให้จะแสดงละครถ้าไม่ให้จะไปฆ่าตัวตาย หมอก็จะยอมให้ โดยให้ทีละ 20-30 แผง และที่เลือกวางยาในเบียร์ เพราะว่าเคยลองใส่ในน้ำเปล่าแล้วมันจะขุ่นๆ ทำให้เหยื่อดูออกได้ง่าย ส่วนรถที่ขโมยมาจะนำไปขายให้กับขบวนการส่งรถออกนอกประเทศ โดยจะเก็บรถที่ขโมยมาไว้กับตัวเองไม่เกิน 2 ชั่วโมง ส่วนบัตรประชาชนที่ถูกตรวจค้นพบหลายๆ ใบนั้น ตนได้มาจากเหยื่อบ้าง และได้จากพวกเปิดบัญชีบ้าง เลยนำมาใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ แทนชื่อของตนเองเพื่อปกปิดตัวเองกระทำความผิด

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของภัยสังคมรายนี้ โดยจากการขยายผลการจับกุมในขณะนี้เราพบพยานหลักฐาน รถจักรยานยนต์ ซึ่งต้องสงสัยว่าได้จากการก่อเหตุ กว่า 13 คัน และพบข้อมูลเหยื่อและผู้ที่กำลังจะตกเป็นเหยื่ออีกไม่ต่ำกว่า 10 ราย จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ให้แจ้งมาที่เฟซบุ๊กเพจ สืบสวนนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง เราจะปกปิดข้อมูลของคุณเป็นความลับ และขอฝากเตือนไปยังเหล่าผู้ปกครองให้หมั่นเฝ้าระวังบุตรหลานที่ชื่นชอบการเล่นแอปพลิเคชันหาคู่ลักษณะนี้ ให้หลีกเลี่ยง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของท่าน ในส่วนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตอนนี้เราได้ข้อมูลสำคัญของขบวนการมามากพอสมควร ซึ่งเราจะมีการขยายผลต่อไปจนถึงที่สุด แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.

ก่อนนำผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป