หนุ่มวัย 18 อดีตแฟน "น้องอั้ม" ที่เพิ่งเลิกรากันไป เข้าพบตำรวจ สภ.นางรอง ยืนยันความบริสุทธิ์ใจไม่เกี่ยวเหตุ 2 ไอ้โม่งบุกสาดน้ำกรด กลางร้านอาหารตามสั่ง ขณะที่หมอเร่งผ่าตัดรักษาดวงตาข้างขวาที่มองไม่เห็น ด้าน "ภาค 3" จัดกำลังชุดสืบร่วมกับภูธรจังหวัดและท้องที่ แกะรอยล่าตัวคนร้าย
กรณีที่มีรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไปจอดหน้าร้านอาหารตามสั่งแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ แล้วคนร้าย 2 คน สวมชุดดำและไอ้โม่งปิดบังใบหน้า ถือถังที่ใส่น้ำกรดบุกเข้าไปสาดใส่ น้องอั้ม อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง ขณะนั่งกินข้าวอยู่กับยายและน้าชาย ภายในร้านอาหารตามสั่ง เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 ส.ค. 66 โดยน้ำกรดโดนใบหน้า ดวงตา บริเวณหน้าอก ไหลอาบลำตัวสภาพผิวหนังไหม้ เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยจากฤทธิ์ของน้ำกรด ทั้งนี้ยายและน้าชาย ที่นั่งกินข้าวด้วยกันก็โดนน้ำกรดกระเด็นใส่มีรอยไหม้ตามใบหน้า ลำคอ ลำตัว แขน และขาเช่นกัน แต่อาการไม่สาหัสเท่าน้องอั้ม
เบื้องต้นน้องอั้มถูกนำตัวส่ง รพ.นางรอง แต่เนื่องจากอาการสาหัส แพทย์จึงส่งตัวไปรักษาต่อที่ รพ.บุรีรัมย์ ขณะนี้อาการยังน่าเป็นห่วงเพราะตาข้างขวามองไม่เห็น แพทย์ต้องเร่งทำการผ่าตัดรักษาดวงตาเพื่อให้มองเห็น แม่จึงโพสต์ขอรับบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือน้องในการผ่าตัด
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 นายไนท์ อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นแฟนที่เพิ่งบอกเลิกกับน้องอั้ม เมื่อ 2 เดือนกว่า ซึ่งตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจเรียกให้มาพบ ก็ได้เดินทางเข้าพบและให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.นางรอง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สาดน้ำกรดใส่น้องอั้ม
...
โดยนายไนท์ ยอมรับว่าได้คบหากับน้องอั้มประมาณ 1 ปีกว่า แต่พอจับได้ว่าน้องอั้มมีชายคนอื่น จึงได้เลิกรากันประมาณ 2 เดือนแล้ว จากนั้นตนก็ไปทำงานที่ จ.ฉะเชิงเทรา และไม่ได้ติดต่อกันอีก แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยส่งข้อความมาข่มขู่ เพราะโกรธที่อั้มไปมีคนอื่น ก็ขู่ในลักษณะจะมาทำร้ายอะไรทำนองนี้ แต่ก็แค่ขู่เพราะเสียใจเท่านั้น และไม่ได้ทำหรือเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุสาดน้ำกรดครั้งนี้ ซึ่งก็มีพยานจากเพื่อนที่ทำงานและหลักฐานกล้องวงจรปิดที่ทำงาน ว่าช่วงเวลาดังกล่าวตนเองทำงานอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา จริง แต่ก็รู้สึกกังวลอยู่บ้างที่ตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย
ด้านนายวิวัฒน์ ชะเกตุรัมย์ อายุ 40 ปี น้าของอั้ม ได้กล่าวภายหลังให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับตำรวจว่า ตอนนี้เป็นห่วงหลานมาก โดยเฉพาะดวงตากลัวว่าจะมองเห็นไม่เหมือนปกติ ซึ่งวันนี้หมอจะผ่าตัดตาข้างขวาที่มองไม่เห็น ก็ขอให้หลานปลอดภัย ส่วนอวัยวะภายนอกอื่นๆ ก็ยังพอจะศัลยกรรมได้ ส่วนสาเหตุก็คิดว่าคนร้ายเจาะจงสาดน้ำกรดใส่หลาน ส่วนยายกับน้า แค่โดนลูกหลง จึงเชื่อว่ามูลเหตุน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของหลานเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไรบ้าง ต้องรอสอบถามจากตัวหลานเอง ตอนนี้ก็ขอแค่ให้หลานปลอดภัย และอยากให้ติดตามคนร้ายให้ได้โดยเร็ว
ขณะที่ พ.ต.อ.กัมพล วงษ์สงวน ผกก.สภ.นางรอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และพนักงานสอบสวน ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมอีกครั้ง พร้อมกันนี้ยังได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาทำคดีนี้โดยเฉพาะ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือทั้งจากชุดสืบสวนภูธรภาค 3 และสืบสวนภูธรจังหวัด ร่วมกับชุดสืบในพื้นที่ สภ.นางรอง กระจายกำลังลงพื้นที่หาข้อมูลเบาะแส รวมถึงไล่กล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆ ควบคู่กับการสอบปากคำพยานและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อหามูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุ เพื่อนำไปสู่การติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นก็มีหลายมูลเหตุจูงใจ ทั้งเรื่องเดิมที่เคยมีคดีความกันมาก่อน รวมถึงปัญหาส่วนตัวของน้องผู้บาดเจ็บเอง ว่าเป็นกรณีใดบ้าง เพื่อจะได้เป็นเบาะแสในการติดตามตัวคนร้าย ซึ่งทางตำรวจก็ทำงานกันอย่างเต็มที่.