ส.ต.ต.สุรวีร์ วีระชาติ ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองสมุทรปราการ ระงับเหตุวงสุราเปิดเพลงเสียงดัง กลับเจอครอบครัวหัวร้อนด่าทอต่างๆ นานา "หน้าใหม่ อ่อนต่อโลก" อ้างรู้จักคนใหญ่คนโต แถมท้าถอดเครื่องแบบต่อย ล่าสุดเรื่องถึงหูรองผู้กำกับแล้ว สั่งร่อนหมายเรียกรับทราบข้อหา พร้อมกำชับตำรวจทุกนาย ให้อดทนระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ขณะที่คู่กรณีเตรียมร้องเรียนผู้การเมืองปากน้ำ พร้อมแจ้งความเอาผิดข้อหา พ.ร.บ.คอมฯ และบุกรุกในยามวิกาล
จากกรณีที่มีคลิปตำรวจสายตรวจ บันทึกคลิปวิดีโอระหว่างเข้าระงับเหตุวงสุราเปิดเพลงเสียงดัง สร้างความเดือดร้อนรำคาญ ให้กับชาวบ้านในซอย จึงมีการโทรไปร้องเรียนที่ 191 แต่เมื่อสายตรวจไปถึง พบกับครอบครัวหัวร้อนกร่างใส่ ท้าตำรวจต่อยตัวต่อตัว อ้างบอกเป็นครอบครัวนายตำรวจ รู้จักคนใหญ่คนโต ถ้าไม่กลับไปเดี๋ยวเจอดี (พันเอกยังไม่กล้ากับกูเลย)
และยังบอกอีกว่า สงสัยเป็นตำรวจใหม่ อ่อนต่อโลก ไม่รู้จักคนในบ้านหลังนี้ ที่มีพี่น้องและคนครอบครัวเป็นนายตำรวจใหญ่ (พล.ต.อ./พ.ต.อ.) ส่วนตำรวจสายตรวจก็พยายามขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย พร้อมถอยออกจากบ้านที่เกิดเหตุ แต่ก็ยังถูกว่ากล่าวทำนองดูหมิ่นการทำหน้าที่ ซึ่งคลิปดังกล่าวถูกโพสต์ลง ในโซเชียล มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ ไปพบกับ ส.ต.ต.สุรวีร์ วีระชาติ อายุ 23 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.เมืองสมุทรปราการ เจ้าของคลิป กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 22.26 น.วันที่ 12 สิงหาคม 2566 หลังตนได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ ว่ามีวงสุราเปิดเพลิงส่งเสียงดังก่อความเดือดร้อนรำคาญ สถานที่เกิดเหตุ บริเวณภายในร้านสเต๊กลุงใหญ่ ริมถนนสุขุมวิท (ขาออก) ใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสศรีนครินทร์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จว.สมุทรปราการ จึงเดินทางไปตรวจสอบ
...
เมื่อถึงที่เกิดเหตุ พบว่ามีวัยรุ่นนั่งดื่มสุรากันเกือบ 20 คน มีการเปิดเพลงเสียงดังจริง ตนจึงบอกว่าขอให้ลดเสียงเพลงลง ทำให้กลุ่มคนที่นั่งดื่มสุราไม่พอใจ เดินออกมาล้อมหน้าล้อมหลังตน 6 คน พูดจาดูหมิ่นและด่าตนด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย พยายามเข้ามาทำร้ายตน ตนกลัวไม่ปลอดภัยเพราะมาเพียงนายเดียว จึงออกมาจากบ้านหลังดังกล่าวแล้ววิทยุเรียกให้สายตรวจพื้นที่ใกล้เคียงนำกำลังมาช่วย จากนั้น ไม่ถึง 15 นาที เมื่อนำกำลังมาถึงพบว่า วงสุราดังกล่าวได้แยกย้ายกันไปแล้ว ตนก็ขอฝากไปถึงเพื่อนตำรวจว่าอย่าท้อแท้ในการทำงานเชื่อว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน
นางอรพรรณ บุญประคอง อายุ 58 ปี คนที่อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า ตนเองและครอบครัว ในคืนเกิดเหตุมีสายตรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาในบ้านแล้วบอกว่า มีคนแจ้งไปว่าเปิดเพลงส่งเสียงดังให้เบาเสียงลง ตนก็เลยบอกว่านี่เพิ่งจะสี่ทุ่มเองนะ ตนก็เลยบอกให้ลูกสาวเบาเสียงเพลง แล้วให้ตำรวจกลับไป แต่ตำรวจไม่กลับและถ่ายรูปบ้านและเครื่องเสียงตน เลยมีปากเสียงกัน ตนยืนยันว่าคลิปที่แชร์กันไม่ใช่เหตุการณ์ทั้งหมด และตนไม่ได้อ้างตำรวจใหญ่ ตนไม่ได้มีเส้นสายอะไร ในวันพรุ่งนี้ตนจะเดินทางไปพบกับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อไปร้องเรียนเรื่องการทำงานของสายตรวจ และจะไปแจ้งความเอาผิดกับสายตรวจนายดังกล่าวในข้อหา พ.ร.บ.คอมฯ และบุกรุกในยามวิกาล
ส่วนทางด้าน นางสาวช่อเพชร บุญประคอง อายุ 38 ปี ลูกสาว กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองครอบครัว ร่วมกันสังสรรค์ที่ร้าน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางเข้ามาบริเวณบ้าน และบอกว่ามีชาวบ้านร้องเรียน ว่าส่งเสียงดัง ขณะนั้นพ่อตนเองค่อนข้างอารมณ์ร้อน จึงบอกให้ตำรวจออกไปก่อน แต่ตำรวจไม่ยอมออก ขณะนั้นตนเองเห็นตำรวจจับอาวุธปืนที่พกอยู่ที่เอว และมองหน้าพ่อตลอด ตนเองกลัวว่าจะมีการปะทะกันจึงได้ ผลักหน้าอกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามคลิป ทั้งนี้ตำรวจคนดังกล่าวก็เข้ามายามวิกาล และตนเองก็ไม่ทราบว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ และสถานที่ก็เป็นเขตบ้านและไม่มีรั้วไม่ใช่ใครจะเข้ามาก็ได้ ถ้าจะเข้ามาก็ต้องขออนุญาตก่อนไม่ใช่จะเดินเข้ามาแบบนี้
ต่อมา พ.ต.ท.ไมตรี บูรณทอง รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้มอบหมายให้ ผู้ใต้บังคับบัญชา เดินทางนำหมายเรียกบุคคลในภาพทั้งหมดมาสอบสวน ประกอบด้วย (1).นายอดิศร บุญประคอง อายุ 58 ปี (เสื้อเชิ้ตแขนยาว สีขาว) ดูหมิ่น เหยียดหยาม และขัดขวาง เจ้าพนักงานเพื่อให้ไม่ปฏิบัติด้วยถ้อยคำหยาบคาย (2).นางอรพรรณ หรือนก บุญประคอง อายุ 57 ปี (เสื้อสายเดี่ยวลายม่วง/ขาว) ขัดขวาง เจ้าพนักงานเพื่อให้ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ โดยการข่มขู่ (3).นางสาวช่อเพชร บุญประคอง อายุ 37 ปี (เสื้อยืดคอกลม ลายมิกกี้เม้าส์สีขาว) ทำร้าย และขัดขวาง เจ้าพนักงาน ไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ โดยการผลัก (4).นางสาวอารยา บุญประคอง อายุ 35 ปี (เสื้อยืดคอกลม สีดำ กางเกงขาสั้น สีดำ) ขัดขวางเจ้าพนักงานเพื่อให้ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ และทำหน้าที่ถ่ายภาพขณะเกิดเหตุ
...
ทั้งนี้ พ.ต.ท.ไมตรี บูรณทอง รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสมุทรปราการ ยังได้กำชับให้ตำรวจทุกนาย ให้อดทนระหว่างปฏิบัติหน้าที่