สองดีเจดัง แจ็ค ไรเดอร์ และ ดีเจคิว ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน กรณีถูกคลื่นวิทยุชื่อดัง เบี้ยวค่าจ้างรวมกว่า 1.3 ล้านบาท เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานนำไปใช้ประกอบสํานวนในการฟ้องร้องต่อศาลแรงงานต่อไป

ที่ สน.พหลโยธิน เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 10 ส.ค. 2566 นายชนัตพล ลังสิทธิเสถียร หรือ แจ็ค ไรเดอร์ พร้อมด้วย นายธิติพันธ์ สุริยาวิชญ์ หรือ คิว 2 คู่หูดีเจชื่อดัง เดินทางไปยัง สน.พหลโยธิน เพื่อลงบันทึกประจําวันไว้เป็นหลักฐาน กรณีถูกคลื่นวิทยุชื่อดัง เบี้ยวค่าจ้างรวมกว่า 1.3 ล้านบาท

นายธิติพันธ์ หรือ ดีเจคิว กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 63 ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ทางบริษัทได้เจรจาต่อรองขอลดค่าจ้าง 20 เปอร์เซ็นต์ ตนทั้งคู่ยินดีลดค่าจ้างให้เพราะทํางานที่นี้มานับ 10 ปี และอยู่เหมือนครอบครัว แต่สุดท้ายยังคงค้างจ่ายค่าจ้างอยู่ดี นับจนถึงตอนนี้ผ่านมา 3 ปี ค้างจ่ายอยู่ 10 เดือน ฝากถึงบริษัทด้วยว่า ขออย่าใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย มาบีบบังคับให้พนักงานตัวเล็กๆ ต้องรับเงินค่าจ้างแบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยในชั้นศาล ตนยืนยันว่า ทุกคนทํางานด้วยความรัก

ด้าน นายชนัตพล หรือ แจ็ค ไรเดอร์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เคยเข้าไปพูดคุยกับทางบริษัทมาโดยตลอด ตนบอกไปว่าหากบริษัทมีปัญหาเรื่องการเงิน อยากที่จะให้ทําหนังสือเพื่อเป็นลายลักษณ์อักษรและค่อยจ่ายอีก 2 ปี ก็ไม่มีปัญหา แต่นี้ไม่มีการทําหนังสือ ตนและดีเจคิว จึงเกรงว่าอาจจะถูกบริษัทเล่นแง่ เหมือนดีเจคนก่อนๆ ที่ผ่านมา คือ บริษัทใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย ให้เรื่องถึงศาลและขอจ่ายหรือรับผิดชอบแค่ครึ่งเดียว หากเป็นเช่นนั้นจะทําให้ได้รับเงินแบบไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย และยอมรับว่ารู้สึกผิดหวัง เนื่องจากวันที่บริษัทโทร. มาบอกให้ออกนั้น คือให้ออกทันที และสั่งห้ามพนักงานทุกคนว่า ห้ามให้ตนและดีเจคิวเข้าบริษัทโดยเด็ดขาด

...

เบื้องต้น ดีเจคิวและดีเจแจ็ค ไรเดอร์ ได้ลงบันทึกประจําวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานนำไปใช้ประกอบสํานวนในการฟ้องร้องต่อศาลแรงงานต่อไป.