เอส คอลาย เดนทรชนในคราบ “พ่อเลี้ยง” ทั้งเสพยา หมกมุ่นในกามารมณ์ จิตวิปริต คุยโอ่ว่าอวัยวะเพศเหมือนต้นคริสต์มาส พาลูกเลี้ยง เด็กหญิงวัยเพียง 12 ปี หนีจากบ้านไปออกเร่ร่อน บังคับให้เด็กเสพยาและลงมือปู้ยี่ปู้ยำ ล้างสมองให้เด็กเกลียดแม่ตัวเอง ล่าสุด “ผู้การจ๋อ” ส่งสืบนครบาล และสืบ 110 ไล่ล่าจับตัวได้ และสามารถช่วยเหลือเด็กก่อนจะถูกพาหนีลงใต้

วันที่ 7 ส.ค. พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.และ ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หัวหน้าชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปฏิบัติการที่ 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น., พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ, ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น  สืบสวน 110 โดย ร.ต.อ.มนตรี เฉลิมวัฒน์, ร.ต.อ.จิรศักดิ์ ว่องไว, ร.ต.อ.ชัยวิทย์ หาญญ์สุวรรณนทีวิทย์, ร.ต.ท.อนันตชัย สัจจพงษ์, ร.ต.ท.เดชาธร ชมศิริ, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุด PCT5, สืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 110 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว

...

นายวีรยุทธ แสนชัย หรือ “เอส คอลาย” อายุ 29 ปี อยู่ ซ.อารีย์ 2 ถ.พหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท จ.กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 113/2566 ลงวันที่ 25 พ.ค. 66 ข้อหา “ความผิดเกี่ยวกับเพศ” จับกุมตัวได้ที่ภายในซอยตลาดวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 66 โดยพบประวัติต้องโทษคดีอาญา 13 คดี เช่น เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1, ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1, ลักทรัพย์, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ชิงทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์ และกระทำการพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารฯ

พฤติการณ์กล่าวคือ นายวีรยุทธ แสนชัย หรือ “เอส คอลาย” เดนมนุษย์ในคราบ “พ่อเลี้ยง” ได้เริ่มเข้ามาคบหากับ น.ส.เอ๋ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ซึ่งมี “ลูกติด” ชื่อ ด.ญ.ส้ม (นามสมมติ) อายุเพียง 8 ปีในเวลานั้น แรกเริ่มนายเอสได้เข้ามาเป็นครอบครัวที่ปกติทั่วไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป ด.ญ.ส้ม ได้เจริญเติบโตขึ้น เข้าสู่ช่วงอายุ 11 ปี ได้มีผู้เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของครอบครัวนี้ โดยจะมักเห็นพฤติกรรมของนายเอสนี้มีความสนิทสนมกับ ด.ญ.ส้ม มากเกินกว่าพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยง มีการหยอกล้อในเชิงชู้สาวกับ ด.ญ.ส้ม อยู่เป็นประจำ กระทั่งในปี 2565 เรื่องราวสัมพันธ์สวาทที่ผิดศีลธรรมขึ้น เมื่อเจ้าตัวแสดงอาการหมดรัก น.ส.เอ๋ และพา ด.ญ.ส้ม ไปกินอยู่ด้วยฉันสามีภรรยาอย่างเปิดเผย ชนิดที่ว่าไม่อายฟ้าดิน โดยตลอดการพาไปอยู่กินด้วย จะใช้ความเป็นเด็กของ ด.ญ.ส้ม “ล้างสมอง” ให้เกลียดแม่ตัวเอง ให้ลาออกจากโรงเรียน และให้ตกเป็นทาสกามารมณ์ของตนเอง โดยไม่สนอนาคตของเด็กแต่อย่างใด กระทั่งในปัจจุบัน ด.ญ.ส้ม ไม่เรียนหนังสือและออกเร่ร่อนไปกับพ่อเลี้ยง โดยเข้าใจว่านี่คือรักแท้ ล่าสุดนายเอสได้พา ด.ญ.ส้ม ออกจากบ้านอีกครั้งและพาไปร่อนเร่ “บังคับเสพยาเสพติดและลงมือกระทำชำเรา” ด.ญ.ส้ม ซึ่ง น.ส.เอ๋ ผู้เป็นแม่ทราบเรื่องถึงกับใจสลาย ทั้งพยายามติดต่อ ตามหา แต่พ่อเลี้ยงเดนทรชนก็ยังนำโทรศัพท์มือถือของ ด.ญ.ส้ม ไปขาย เพื่อนำมาซื้อยาเสพติดเสพ น.ส.เอ๋ ไร้ทางออก โพสต์ข้อความประกาศตามหา ด.ญ.ส้ม จนกลายเป็นไวรัล ซึ่งประชาชนต่างช่วยกันแชร์และติดตาม และเรื่องนี้ก็ถึงหู พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หรือ “ผู้การจ๋อ” รายงานให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร.ทราบ พร้อมส่งมือดีชุดสืบนครบาล และสืบ 110 ติดตามไล่ล่านายเอสทันที โดยทราบเพียงเบาะแสว่า ได้พา ด.ญ.ส้ม มาเสพยาภายในชุมชนแห่งหนึ่งย่านธนบุรี พล.ต.ต.ธีรเดช ส่งกำลังลงพื้นที่ชุมชนต้องสงสัย แต่ด้วยสมรภูมิที่คนร้ายได้เปรียบ จึงสามารถหลบหนีชุดสืบสวนไปได้ เล่นเอาชุดสืบสวนต้องคว้าน้ำเหลวในค่ำคืนแรก แต่แล้วก็ถึงวันดาวโจรดับ ชุดสืบตามกลิ่นจนพบเบาะแสจากพลเมืองดีรายหนึ่งในตลาดวังหลัง ซึ่งเห็นคนร้ายเดินกับเด็กหญิงสาว โดยเด็กผู้หญิง “มีบาดแผลตามร่างกาย” จึง ติดตามไปอย่างระทึก กระทั่งไปจับกุมตัวได้ที่ตลาดวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย จ.กรุงเทพฯ และสามารถช่วยเหลือ ด.ญ.ส้ม ได้ ก่อนจะถูกคนร้ายพาหนีลงไปทางภาคใต้

ในชั้นจับกุม เอส คอลาย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ลงมือกระทำชำเราลูกเลี้ยงวัย 12 ปีจริง โดยกระทำโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย และตนได้ไปต่ออวัยวะเพศของตนเองมา เมื่อเวลามีเพศสัมพันธ์ลูกจะบอกว่าเจ็บตลอด และที่ทำไปเพราะความรัก ตอนแรกแค่แอบชอบ แต่พอพูดคุยแหย่กันไปมาก็เริ่มมีความรู้สึกรัก ตอนนี้ไม่ได้รักแม่ของเด็กแล้ว แต่มารักเด็กแทน โดยที่ผ่านมาตนเองเคยถูกจับ ตั้งแต่วัยเด็ก โดยรวมทั้งหมดถึงปัจจุบันกว่า 13 ครั้ง ในข้อหา เสพยาบ้า, ครอบครองยาบ้า, ครอบครองยาไอซ์, ขับเสพฯ, ร่วมกันชิงทรัพย์ ชิงโทรศัพท์มือถือเด็กนักเรียน, ลักทรัพย์, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์, พรากผู้เยาว์อายุ 13 ปี ไปเพื่อการอนาจารฯ ล่าสุดโดนข้อหาอนาจารเด็ก และอยู่ระหว่างการประกันตัว ถูกติดกำไร EM แต่ได้ถอดทิ้งไปเพื่อหลบหนี จะไม่ไปฟังคำพิพากษาของศาล เพราะไม่พร้อมที่จะติดคุก ฝากขอโทษครอบครัวของลูกเลี้ยง ทำให้เกิดเป็นปมด้อย เป็นตราบาปกับเด็ก และยอมรับว่าไม่ได้ไปทำแบบนี้กับเด็กคนอื่นอีกแน่นอน หากเจ้าหน้าที่เผยแพร่ใบหน้าตนไปแล้วมีเหยื่อมาชี้ยืนยัน ยินดีให้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้เลย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ประวัติคนร้ายรายนี้ถือว่าโชกโชนมาก ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด, ชิงทรัพย์, อนาจาร ยาวเป็นหางว่าว เป็นภัยสังคม และจากแผนประทุษกรรมในคดีล่าสุดนี้ เรียกได้ว่าไม่เหลือศีลธรรมในจิตใจ กระทำกับเด็กผู้หญิงวัยเพียง 12 ปี ที่เป็นลูกเลี้ยงของตนเองได้ และที่รับไม่ได้คือการบังคับให้เด็กเสพยาเสพติดก่อนลงมือกระทำชำเรา ไม่ต้องการให้คนเช่นนี้เพ่นพ่านในสังคม จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน หากพบว่าบุตรหลานของท่านเคยตกเป็นเหยื่อ หรือมีแนวโน้มที่จะถูกคนร้ายรายนี้กระทำมิดีมิร้าย โปรดแจ้งเบาะแสมาที่เราทางเพจเฟซบุ๊ก สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง และแม้จะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ สงสว่าง ผบช.น.

...