บุตรสาวพร้อมญาติสาวใหญ่ที่ถูกฆ่าโหดหน้าคอนโดฯ ย่านเทพารักษ์ นิมนต์พระสงฆ์ทำพิธีเชิญวิญญาณไปยังวัดด่านสำโรงที่ตั้งศพ ขณะที่ตำรวจสำโรงเหนือคุมตัวผู้ต้องหาส่งศาลขอฝากขังแล้ว โดยลูกสาวยันไม่อโหสิกรรมคนฆ่าแม่ หวั่น ผู้ต้องหาอ้างป่วยจิตกระทบรูปคดี

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 31 ก.ค. 66 น.ส.สลักจิต สระแก้ว อายุ 42 ปี ลูกสาวคนโต พร้อมด้วยน้องชาย นิมนต์พระสงฆ์ และนำรูป นางจิตรา ฉันทารุนัย ผู้เป็นแม่ เดินทางมาที่หน้าคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในซอยศรีบุญเรือง 2 ต.เทพารักษ์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จุดเกิดเหตุฆ่าทุบหัวปาดคอสาวใหญ่ เพื่อทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณ ในพิธีทั้งสองคนได้เข้าไปจุดธูปบอกกล่าวศาลพระภูมิเจ้าที่ ซึ่งอยู่บริเวณหลังคอนโดฯ เพื่อเปิดทางให้กับดวงวิญญาณตามความเชื่อ ก่อนที่จะเดินทางมาที่บริเวณจุดที่เสียชีวิต ซึ่งอยู่บริเวณหน้าคอนโดฯ ก่อนที่ทั้งสองคนจะจุดธูปเรียกดวงวิญญาณของแม่ให้ติดตามขึ้นรถไปด้วย

ทั้งนี้ ผู้นำประกอบพิธีบอกกับทางญาติว่า ผู้ตายยังติดอยู่กับเพื่อนที่นั่งดื่มเหล้ากันครั้งสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิต จากนั้นคนที่พักอยู่ในคอนโดฯ จึงขึ้นไปตาม นางสาวกัญญา วิวาสุข เพื่อนผู้ตาย ให้มาจุดธูปบอกล่าว และรินเหล้าให้กับวิญญาณของผู้ตาย ก่อนที่ นางกัญญา จะร่วมเดินทางไปด้วย เพื่อนำศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลตามศาสนา ที่ศาลา 4 วัดด่านสำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ต่อไป

...

นางกัญญา วิวาสุข กล่าวว่า เมื่อวานก่อนเกิดเหตุ ขณะที่นั่งดื่มเหล้าด้วยกัน ยายแดงชวนตนออกไปดื่มต่อข้างนอก หากตนยอมไปด้วยก็คงไม่เกิดเหตุแบบนี้ และก่อนเกิดเหตุ ป้าแดงเข้ามากอดตนเองแบบผิดปกติ แบบไม่เคยกอดมาก่อน เหมือนเป็นลางมาบอกเหตุว่าจะไม่ได้เจอกันอีก กระทั่งตนเองขึ้นไปอาบน้ำบนคอนโดฯ ลงมาเจอยายแดงถูกฆ่าจนเสียชีวิต ไม่คิดว่าเป็นกอดสุดท้าย เมื่อคืนที่ผ่านมาตนเองก็ยังรู้สึกว่ายายแดง ยังกลับมาหาตนอยู่

ด้าน น.ส.สลักจิต กล่าวว่า ตนเองไม่ได้พักอยู่กับแม่ เนื่องจากไปอยู่ต่างจังหวัด ตนเองเจอแม่ครั้งสุดท้ายเมื่อต้นปี หลังจากเกิดเหตุ ขณะนี้ตนเองก็ยังรับไม่ได้ และไม่มีลางสังหรณ์ว่าจะมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับแม่ และแม่เป็นคนดื่มเหล้าจริง แต่แม่ก็ไม่เคยไปทำร้ายใครและให้ร้ายใคร ช่วงแม่เมา แม่ก็ไม่เคยไประรานใคร อย่างมากก็อาจจะมีไปกวนขอบุหรี่บ้าง กรณีที่ผู้ต้องหาอ้างว่า แม่ตนเองเข้าไปบุกรุกในบ้านนั้น ตนเองยังไม่เชื่อ แม่น่าจะอยู่บริเวณหน้าบ้าน

ส่วนกรณีที่ นายขจรเดช จำปาทอง อายุ 23 ปี ผู้ต้องหา อ้างว่ามีอาการทางจิตนั้น ซึ่งอาจจะมีผลทางคดี ตนเองก็มีความรู้สึกกังวล แต่ตำรวจน่าจะทราบว่า ถ้าจิตไม่ปกติ ผู้ต้องหาจะเข้าไปเป็นทหารเกณฑ์ได้ยังไง และนี่ก็เพิ่งปลดประจำการมา ถ้าป่วยจริงคงไม่ถูกเกณฑ์ไป ทั้งนี้ อยากบอกว่าตนเองกับน้องรักแม่มาก ไม่ว่าแม่จะเป็นยังไงตนเองก็รัก ตั้งแต่เกิดเรื่องตนเองยังไม่ได้พูดคุยกับญาติคนก่อเหตุ ถึงแม่จะเสียไปแล้ว แต่ตนเองก็ยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าผู้ต้องหา และเป็นไปไม่ได้ที่จะอโหสิกรรมให้ เนื่องจากผู้ต้องหาทำเกินไปจริงๆ แค่แตะแม่ก็ล้มแล้ว ทำไมถึงต้องลงมือทำแม่ขนาดนี้

ขณะที่ชาวบ้านที่พักอยู่ในคอนโดฯ ที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ตนเองเคยเป็นอาจารย์สอนนายขจรเดช ในช่วงชั้น ม.1 ปกตินายขจรเดชเป็นเด็กดีคนหนึ่ง ก่อนที่ตนจะย้ายออกไปสอนทีอื่นก็ไม่ค่อยได้เจอกัน โดยช่วงที่นายขจรเดชหายไป ตนเองก็ไม่ทราบว่าเขาไปเจออะไรมาบ้าง จึงทำให้สภาพจิตใจไม่ปกติ ทั้งนี้ ตนเองก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร และจะรู้ว่านายขจรเดชไม่ปกติ คนในคอนโดฯ จึงไม่เข้าไปตอแยและก็จะมีทักทายกันบ้าง ที่ผ่านมานายขจรเดชก็ไม่เคยไปทำร้ายใคร มีบ้างที่เอะอะโวยวายคนเดียว แต่สาเหตุที่นายขจรเดชถึงขั้นลงมือขนาดนี้ ตนเองก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ในฐานะตนเองเป็นครู มองอีกมุมว่าทั้งสองคนอาจจะเคยทำกรรมมาด้วยกันก็ได้

...

ส่วน พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ ให้ข้อมูลว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา นายขจรเดช จำปาทอง ถูกคุมตัวอยู่ในห้องขังของ สภ.สำโรงเหนือ โดยนายขจรเดชกินได้ตามปกติ แต่ยังไม่พบญาติติดต่อเข้ามาขอเยี่ยมแต่อย่างใด เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้นำตัวออกจากห้องขัง ก่อนจะนำขึ้นรถไปศาลจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อฝากขังผลัดแรก จากนั้นจะคุมตัวเข้าเรือนจำกลางสมุทรปราการต่อไป.