รวบแล้วทหารเฒ่า อดีตพรานป่า เปิดปากรับสารภาพแค้น ใช้หน้าไม้ยิงหัวหนุ่มพ่อลูกอ่อน เหตุคอกเป็ดไก่หายมาตลอด รวมถึงเงินสด 6 พันบาท
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2566 เวลา 09.30 น. ตำรวจงานสืบสวน ภ.จว.ลพบุรี ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมนักประดาน้ำ ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง หลังจากได้สอบปากคำ จ่ามะนัจ และ นายยอดชาย เจ้าของที่จนดึก และ หมวดณรงค์ ศักดิ์ศรี นายทหารนอกราชการ อายุ 70 ปี เจ้าของคอกเป็ดไก่ใกล้กัน ก่อนปล่อยตัวไปเมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากได้แยกกันสอบปากคำ ยังไม่พบสิ่งใดที่ก่อให้เกิดความพิรุธ สงสัย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อกับคำให้การทั้งหมด ซึ่งหากมีพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำ จะได้นำตัวมาเพื่อสอบปากคำอีกครั้ง
ต่อมาเวลา 09.45 น. ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้นำเครื่องตรวจจับโลหะ วัตถุพยาน มาหาพยานเพิ่มเติมตรงจุดเกิดเหตุ เนื่องจากสภาพบาดแผลที่กลางศีรษะนายสืบสาย ผู้ตาย คล้ายถูกกระสุนปืน แต่จากการให้การของจ่ามะนัจ ที่ให้การว่าได้ยินเสียงคล้ายฟ้าร้องฝนตก ก่อนที่นายสืบสายจะแหงนหน้ามองพร้อมไฟฉายที่ติดอยู่ที่หัว จู่ๆ ก็ล้มหงายตึงไปต่อหน้า ตนจึงได้วิ่งหนีฝ่าความมืดออกมาจากจุดเกิดเหตุ ก่อนโทรให้ลูกและภรรยาขับรถมารับกลับบ้าน ซึ่งเบื้องต้นจ่ามะนัจ คาดว่านายสืบสายน่าจะถูกยิง แต่เสียงไม่ดังคล้ายเสียงของอาวุธปืน อาจเป็นไปได้ว่าจะเป็นอาวุธจำพวกปืนอัดลม หรืออย่างอื่น จากการตรวจหาไม่พบวัตถุใดที่เกี่ยวข้องกับการตายของนายสืบสาย ซึ่งต้องรอผลพิสูจน์จากสถาบันนิติเวช
พ.ต.ท.อาทิตย์ เทียนศิริ รอง ผกก.สส.ภ.จว.ลพบุรี พร้อมพวก ได้ลงพื้นที่แกะรอยไล่ล่ามือฆ่าเพื่อเร่งคลี่คลายคดี จนพบว่าไฟฉายที่ติดอยู่ที่หัวของนายสืบสายลอยอยู่ในสระน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ และยังสามารถเปิดไฟได้อยู่ ก่อนให้นักประดาน้ำลงงมหาวัตถุพยาน อาวุธที่ใช้ก่อเหตุ ผ่านไปนานกว่า 2 ชั่วโมง ไม่พบสิ่งใดๆ อีก จากนั้น พ.ต.ท.อาทิตย์ ได้เชิญตัวหมวดณรงค์ ศักดิ์ศรี (นายทหารนอกราชการ) อายุ 70 ปี ที่ได้สอบปากคำไปช่วงคืนที่ผ่านมา ซึ่งปลูกพืชผัก ผลไม้ เลี้ยงเป็ดไก่ไว้จำนวนมากใกล้จุดเกิดเหตุรั้วติดกันนั่งสอบสวน หลังจากพบไฟฉายคนตายลอยอยู่ใกล้พื้นที่ของหมวดณรงค์ หลังการสอบสวนนานกว่าชั่วโมง หมวดณรงค์ยังให้การปฏิเสธ ไม่รู้ไม่เห็นกับการตายของนายสืบสาย และในคืนเกิดเหตุตนเองก็อยู่ที่บ้าน เพราะเป็ดไก่ หรือพืชผักผลไม้ที่ปลูกที่เลี้ยงไว้ มักหายเป็นประจำ แต่ตนเองก็ไม่ได้สนใจ ไม่เคยนับ และเลี้ยงเพื่อความสุข ไม่คิดฆ่า ไม่คิดขาย เลี้ยงปล่อยไปตามธรรมชาติในพื้นที่ของตนเองที่มากกว่า 5 ไร่
...
ล่าสุดเวลา 12.30 น. พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.เมืองลพบุรี พ.ต.ท.อาทิตย์ เทียนศิริ รอง ผกก.สส.ภ.จว.ลพบุรี ตำรวจงานสืบสวนเมืองลพบุรี ได้ร่วมกันแยกสอบปากคำภรรยา และญาติของหมวดณรงค์ รวมถึงหมวดณรงค์อีกครั้ง ตั้งแต่วันเกิดเหตุจนพบพิรุธหลายอย่าง และคำให้การที่ไม่ตรงกัน และได้ให้การปฏิเสธมาตลอด ก่อนรับสารภาพเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่านายสืบสาย และจ่ามะนัจ เพราะแค้นที่มักชอบเข้ามาขโมยเป็ดไก่ของตนซึ่งเฝ้าดูอยู่ เมื่อสบโอกาสได้ปล่อยลมยางรถ เพื่อชะลอเวลา ก่อนที่จะใช้หน้าไม้ลูกเหล็กคล้ายกระสุนปืน เล็งยิงไปที่แสงไฟฉายที่ติดหัวของนายสืบสายจนล้มตึง จ่ามะนัจวิ่งหนีไป หลังจากนั้นตนเองได้เดินทางกลับบ้านพร้อมอาวุธหน้าไม้ โดยที่ไม่ได้บอกเหตุใดๆ กับภรรยาและญาติ
ซึ่งเมื่อช่วงสายผู้สื่อข่าวได้สอบถามและได้พูดคุยกับหมวดณรงค์พรานเฒ่าวัย 70 ปี ที่ยังนิ่ง ยิ้ม ไม่สะทกสะท้าน ดูคล้ายไม่ได้ลงมือฆ่า ซึ่งในเบื้องต้นหลังการรับสารภาพ พรานเฒ่า กล่าวว่า ที่คอกเป็ดไก่หายมาตลอด รวมถึงสิ่งของต่างๆ ที่ตนเองสะสม รวมถึงเงินสดกว่า 6 พันบาทในตัวนายสืบสายก็เป็นของตนเองที่ถูกขโมยไป ตนเองเฝ้าและสังเกตมานานจนทราบเบาะแส แต่ไม่มีโอกาสเหมาะ ซึ่งคืนเกิดเหตุเป็นคืนเดือนมืด ครึ้มฟ้าครึ้มฝนจึงได้ดักซุ่ม เมื่อเห็นแสงไฟที่หัวนายสืบสายจึงได้ยิงกระสุนออกไปเจาะกลางกะโหลกจนเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งตนเองขอให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่ไม่ขอทำแผน
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำตัวหมวดณรงค์ มือหน้าไม้เฒ่าอดีตพรานป่าล่าสัตว์ในเขตพื้นที่มาอย่างช่ำชอง ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ส่วนศพของนายสืบสายยังอยู่ที่สถาบันนิติเวช เพื่อรอยืนยันผลสรุปสาเหตุของการเสียชีวิตที่แน่ชัดอีกครั้ง.