ผู้เสียหายนับ 10 ราย แห่แจ้งจับ "ผู้กองจิ" อดีตตำรวจ หลอกดาวน์รถยนต์แล้วเชิดหนี พบพฤติกรรมสุดแสบ ตุ๋นทั่วโคราช แม้แต่ทหารยังตกเป็นเหยื่อ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธมะนันท์ แตงทิม หรือ จ่าคิงส์ สะพานใหม่ พาผู้เสียหายสองกลุ่มรวมเกือบ 10 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.สายยุทธ ยศคำ สว.(สอบสวน) กก.1.บก.ป. และ ร.ต.ท.ดวง ขาวสอาด รอง.สว.(สอบสวน) กก.3.บก.ป. เพื่อแจ้งความเอาผิด อดีตตำรวจและนายหน้ารับจำนำ ยักยอกรถยนต์ ชาวบ้านจนได้รับความเดือดร้อน โดยนำพยานหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา
นายธมะนันท์ กล่าวว่า พาผู้เสียหายสองกลุ่มมาร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบ หลังถูกยักยอกรถยนต์ไป โดยแบ่งเป็นสองคดี คดีแรก เป็นกลุ่มผู้เสียหายในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ถูก อดีตตำรวจ หลอกดาวน์รถก่อนเชิดหนีหายไม่ยอมส่งค่างวดรถต่อ ทิ้งหนี้ไว้ให้กับเจ้าของรถ ส่วนคดีที่สอง เป็นครูโรงเรียนย่านบางซื่อ นำรถไปจำนำกับนายหน้ารับจำนำรถย่านดอนเมือง แต่กลับถูกเชิดรถหนีหายไปขายหรือจำนำต่อกับนายทุนเงินกู้อีกเจ้าหนึ่ง
โดย ส.ท.บุญญฤทธิ์ หลักทอง อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดอยู่ในพื้นที่ จ.สุรินทร์ ผู้เสียหายในคดีแรกกล่าวว่า ส่วนของตนนั้น เป็นการแจ้งเอาผิด นายจิรพันธ์ หรือ ผู้กองจิ อดีตตำรวจ หลังจากเมื่อปี 2563 ขณะนั้น ขาดสภาพคล่องทางการเงิน จึงโพสต์ประกาศขายดาวน์รถผ่านเฟซบุ๊ก เนื่องจากแบกรับภาระค่างวดรถไม่ไหว จากนั้นไม่นานก็ได้มี นายจิรพันธ์ ติดต่อเข้ามาเพื่อขอรับรถไปผ่อนต่อเอง พร้อมอ้างตัวว่าเป็นตำรวจอยู่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จึงไว้ใจส่งมอบรถให้ไปเพราะเห็นว่าเป็นข้าราชการด้วยกัน แต่หลังจากนายจิรพันธ์ ได้รถไปแล้วกลับไม่ยอมมาทำเรื่องเปลี่ยนสัญญาผู้ครอบครอง แต่ตนยังไม่ได้เอะใจอะไร เพราะเห็นว่ามีการส่งงวดรถตามปกตินานกว่า 1 ปี
...
“จนกระทั่งต้นปีที่ผ่านมา กลับเริ่มผัดผ่อนไม่ส่งค่างวดรถติดต่อกันถึง 5 เดือน เมื่อทวงถามกลับเริ่มบ่ายเบี่ยง ก่อนจะตัดขาดการติดต่อไป หลังจากนั้นมาทราบความจริงว่า นายจิรพันธ์ นั้นถูกให้ออกจากราชการตำรวจไปนานแล้วตั้งแต่เมื่อปี 2559 การที่ยังคงอ้างตัวว่าเป็นตำรวจนั้นก็เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อหลอกเอารถไป ที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลักษณะเดียวกับตนหลายรายในวันนี้จึงรวมตัวมาเข้าแจ้งความกับทางตำรวจกองปราบเพื่อไม่ให้ไปก่อเหตุกับเหยื่อรายใหม่อีก” สิบโทบุญญฤทธิ์ กล่าว
ด้าน น.ส.ศศิวิมล จันทร์สว่าง อายุ 31 ปี ครูโรงเรียนย่านบางซื่อ ผู้เสียหายอีกคดี กล่าวว่า ได้แจ้งความเอาผิด นายกาย (นามสมมติ) อาชีพนายหน้ารับจำนำรถรายหนึ่งในพื้นที่ ย่านดอนเมือง กทม. หลังเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้นำรถกระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ ไปจำนำกับ นายกาย เป็นเงิน 50,000 บาท แต่เมื่อจะนำเงินไปไถ่ถอนรถกลับคืน กลับพบว่ารถได้ถูกนำไปจำนำต่อกับนายทุนเงินกู้อีกรายแล้ว หากจะไถ่รถคืนต้องช่วยหาเงินมาให้นายกาย 1.4 แสนบาท บวกดอกเบี้ยอีก 2.7 หมื่นบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 167,000 บาท เพื่อไปไถ่ถอนรถคืนจากนายทุนเงินกู้ดังกล่าว ทำให้มองว่าไม่เป็นธรรมก่อนตัดสินใจเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ดอนเมือง แต่คดีกลับไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ในวันนี้จึงตัดสินใจนำเรื่องมาร้องกับตำรวจกองปราบเพื่อร้องขอความเป็นธรรม ให้ช่วยติดตามรถของตนกลับคืนมา
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้แยกสอบปากคำผู้เสียหายแต่ละคดี ก่อนประสานรวบรวมส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป