ตำรวจภาค 4 ขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายค้ายาเสพติดในภาคอีสาน 100 ล้านบาท เป็นเจ้าของบริษัทปล่อยเงินกู้ชื่อดัง เปิดบริษัทบังหน้า ฟอกเงินจากการค้ายาเสพติด
เวลา 11.00 น. วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม ผบก.สส.ภ.4 ร่วมกันแถลงผลการยึดทรัพย์การฟอกเงินจากคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่อีสาน
พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 กล่าวถึงการยึดทรัพย์ที่ได้จากการฟอกเงินของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในครั้งนี้ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ นายสกล ภูโอบ หรือ นุ กระนวน อายุ 39 ปี ยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ สภ.กระนวน เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 29 ส.ค. 65 แล้วหลบหนีไปได้ รวมถึง นายเปา กระนวน หรือ นายอานนท์ อ่อนสาคร อายุ 27 ปี ที่เคยยิงตำรวจขณะเข้าตรวจค้นในโรงแรมที่พักในเมืองขอนแก่น แล้วถูกวิสามัญเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2565 ที่ผ่านมา

สำหรับนายนุ เชื่อว่าหลบหนีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนนายเปาถูกวิสามัญแล้ว แต่ทั้ง 2 ราย เป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญของตำรวจภูธรภาค 4 และแม้ว่านายเปาจะถูกวิสามัญไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ยังต้องขยายผลอย่างต่อเนื่องถึงเครือข่ายและบุคคลที่เกี่ยวข้องในการค้ายาเสพติดในภาคอีสาน รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงินทั้งของนายเปาและนายนุ
...
“การตรวจสอบพบว่ามีการโอนเงินไปให้บุคคลคนเดียวกันในจำนวนมาก จึงได้สืบสวนติดตามพฤติการณ์ของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญรายนี้ จนพบว่าบุคคลรายดังกล่าวคือ นายบอม อายุ 42 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร แต่มีภรรยาและอาศัยอยู่ที่จังหวัดมุกดาหาร เปิดบริษัทบังหน้าและปล่อยเงินกู้ ทั้งในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดสกลนคร และกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการเปิดบริษัทบังหน้าเพื่อฟอกเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติด มีการครอบครองทรัพย์สินจำนวนมาก จึงรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับ จับกุมนายบอม ซึ่งเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของภาค 4”

ผบช.ภ.4 กล่าวอีกว่า หลังได้หมายจับจากศาล เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.4 จึงนำหมายจับศาลจังหวัดมุกดาหาร จับกุมนายบอม ในข้อหาสมคบฟอกเงินจากการค้ายาเสพติด ได้ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 จ.มุกดาหาร และขอหมายเข้าตรวจค้นและยึดทรัพย์สิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ในบ้านพัก และบริษัทของนายบอม ทั้งหมด 7 จุด ผลการตรวจค้น ยึดทรัพย์สิน จำนวน 279 รายการ เงินสดจำนวน 2,842,810 บาท ตู้เซฟ จำนวน 3 ใบ โฉนดที่ดินจำนวน 15 ฉบับ รถยนต์ เบนซ์ GLC 220D สีดำ รถยนต์โตโยต้า มาเจสตี้ สีดำ รถยนต์มิตซูบิชิ ปาเจโร สีดำ รถยนต์ยี่ห้อ นิสสัน นาวารา สีดำ รถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ สีเทา รถยนต์ยี่ห้อซูบารุ สีขาว และรถจักรยานยนต์ รวมทั้งหมด 6 คัน และทองคำ มีทั้ง กำไลข้อมือ, สร้อยคอ, สร้อยข้อมือ, ต่างหู, แหวน รวมจำนวน 41 รายการ และทองคำแท่ง จำนวน 3 แท่ง สมุดบัญชีเงินฝาก จำนวน 50 เล่ม กรมธรรม์ประกันชีวิต จำนวน 6 กรมธรรม์ และทรัพย์สินอื่นๆ เช่น นาฬิกาหรู, กระเป๋าแบรนด์เนม, พระเครื่องหลายรายการ รวมทรัพย์สินที่ยึดได้มูลค่า ประมาณ 100 ล้านบาท และการตรวจสอบยังพบว่า นายบอมถือครองที่ดินอีกหลายแปลง ซึ่งจะได้ดำเนินการตรวจสอบและยึดทรัพย์เพิ่มต่อไป.