จากกรณีมีผู้เสียหาย ร้องว่าได้เข้าประมูลนาฬิกาหรู จากกรมศุลกากร เรือนละหลายล้านบาท เมื่อนำไปตรวจเช็กพบเป็นของปลอม ล่าสุด นำนาฬิกามาคืนพร้อมขอเงินคืน ด้าน กรมศุลกากร ขอโทษผู้เข้าประมูลรับผิดพลาดจริงนำของปลอมมาประมูลยินดีคืนเงิน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ก.ค. ที่ กรมศุลกากร น.ส.ปัทม์ บุญเดช อายุ 47 ปี นักลงทุนตลาดหุ้น และนายกิจธนชัย ฉิมสุทธิ อายุ 60 ปีนักธุรกิจซื้อขายที่ดิน ผู้เสียหายจากการประมูลนาฬิกาหรู พร้อมญาติ เดินทางเข้าพบนายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เพื่อยื่นเรื่องขอเงินประมูลคืน กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้เดินทางนำนาฬิกา Richard mille รุ่นRM07 serial no.3287 ตัวเรือนหน้าฝังเพชรดำ สายสีดำ ขนาด 31.4 มม.ที่ประมูลจากกรมศุลกากรเมื่อวันที่ 6 ก.ค.66 ในราคา 2,200,028 บาท มาคืน และนาฬิกา Patek phillppe รุ่น 5167 ตัวเรือนสตีล หน้าปัดดำ สายแดง ขนาด 40.8 มม. ราคา 1,899,000 ซึ่งเป็นของญาติ ซึ่งทั้ง 2 เรือน ราคากลางตลาดอยู่ที่ประมาณเรือนละ 7 ล้านบาท มาคืนที่กรมศุลกากร
...
สาเหตุเนื่องจากมีผู้เสียหายที่ประมูลไปในรอบเดียวกัน โทรมาแจ้งตนว่า นาฬิกาที่ประมูลไปนั้นเป็นของปลอม ตนจึงได้นำไปตรวจเช็กที่ร้าน "คนรักนาฬิกา" ในห้างโลตัส ลาดพร้าว เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ก.ค.2566 ผ่านมา แล้วพบว่าเป็นปลอมตามที่ได้รับแจ้ง ซึ่งเป็นการปลอมที่ไม่เนียน ตนมีรุ่นนี้อยู่แล้วแต่เป็นรุ่นไวท์ โกลด์ รุ่นนี้มีน้ำหนักมาก ตนอยากได้รุ่นที่เบากว่านี้ อยากใส่ยาวๆ แม้มันจะไม่มีกล่องพร้อมอุปกรณ์ แต่เชื่อใจในกรมศุลกากรว่าจะไม่มีทางนำของปลอมออกประมูล ก่อนจะประมูลครั้งนี้มีคนเตือนว่าให้ระวังเพราะประมูลของที่นี่โดนปลอมเยอะ พอมาเจอแบบนี้ก็อยากให้ตรวจสอบ เพราะอาจจะมีหลายฝ่ายมาเกี่ยวข้อง ตอนเก็บอาจจะมีมาสลับ และสิ่งที่น่าแปลกใจ คือ ปกตินาฬิกาจะต้องมีใบและกล่องอยู่ด้วยกันแต่ไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย และโชคดีที่ตนจ่ายเงินไปในรูปแบบเช็คไปจึงอายัดได้ทัน ต่อไปนี้คงไม่มาประมูลที่นี่อีกไปซื้อร้านที่ไว้ใจได้ดีกว่า
ด้าน นายกิจธนชัย ฉิมสุทธิ อายุ 60 นักธุรกิจซื้อขายที่ดิน ผู้เสียหายอีกราย เปิดเผยว่า ลูกสาวเป็นคนมาประมูลนาฬิกาในครั้งนี้ 2 เรือน มีนาฬิกา ริชาร์ด มิลล์ รุ่นราฟาเอล นาดาล ประมูลมาในราคา 4.5 ล้านบาท ราคากลางอยู่ที่ 15 ล้านบาท และโรเล็กซ์ เรโทน่า เซรามิก หน้าดำราคา 6.5 แสนบาท หลังจากประมูลเสร็จ วันรุ่งขึ้นได้เข้ามารับนาฬิกาแล้วนำไปตรวจสอบที่ร้านนาฬิกาหรูในห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ห้างเซ็นทรัล เวิลด์ และ ร้าน "คนรักนาฬิกา"ในห้างโลตัส ลาดพร้าว ทุกร้านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าปลอม ตนจึงถ่ายรูปส่งไปตรวจสอบที่ประเทศดูไบ ชื่อเว็บไซต์ Expert Watch Repair ก็พบว่าเป็นของปลอม จึงได้รีบติดต่อหาเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามแต่ไม่ได้คำตอบอะไรที่ชัดเจน
วันนี้จึงได้เดินทางมาเพื่อนำมาคืน และเรียกร้องความรับผิดชอบ ที่ผ่านมาตนเชื่อในกรมศุลกากรมาตลอด และได้คุยกับทางท่านอธิบดีก็ยอมรับว่าปลอม และบอกว่าเป็นความผิดพลาด และไม่มีความรู้เรื่องนาฬิกา ตนรู้สึกตกใจว่าถ้าองค์กรนี้เอาของปลอมมาขายแล้วประชาชนจะเชื่อได้อย่างไร อาจมีคนอื่นอีกหลายคนที่ประมูลของกลางไปแล้วเป็นของปลอม ซึ่งการประมูลของตนคือเพื่อจะนำไปขายราคากลางเรือนนี้อยู่ที่ 15 ล้านบาท มีคนมาขอซื้อต่อตนในราคา 6.8 ล้านบาท แต่พอมาตรวจสอบแล้วเจอว่าปลอม ความเชื่อถือหายไปหมดเลย ดีที่ตนยังไม่ได้รับเงินวางมัดจำ
ส่วนตัวมองว่าตอนที่กรมศุลกากรไปยึดของของแท้ที่ไม่เสียภาษีมา ก็ไปปรับเขาหลายเท่า แต่ถ้าเป็นของปลอมก็ปรับอีกราคา กรมศุลกากรจะรับผิดชอบอย่างไร และตนคิดว่าอาจจะมีการทุจริตในองค์กร อาจจะมีการสลับเปลี่ยนนาฬิกา แล้วเอาของแท้กลับไปโดยยอมจ่ายเงินใต้โต๊ะให้เจ้าหน้าที่ วันนี้ตนต้องการเอาเงินคืน และอยากให้มีการชดเชยค่าเสียโอกาสเพราะตอนนี้ได้เพียงแค่คำขอโทษแล้วจะคืนเงิน แบบนี้ถือว่าเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน หากตนได้เงินชดเชยจะนำไปบริจาคให้หน่วยงานการกุศลทั้งหมด เพราะตนไม่เดือดร้อนเรื่องการเงิน
อยากถามท่านผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะเชื่อมั่นได้อย่างไรกับตัวแทนบริษัทเอกชน ที่ผูกขาดกับกรมศุลกากรให้มาการันตีว่านาฬิกาเรือนนั้นเรือนนี้แท้ อยากให้คนที่เคยประมูลของจากกรมศุลกากรไปตรวจสอบว่าของเหล่านั้นปลอมหรือไม่ ถ้าไม่รีบท้วงอาจจะเกิดปัญหาได้ หากตนเชื่อมั่นในกรมศุลกากร เพราะเป็นหน่วยงานระดับประเทศ ประมูลไปแล้ว นำนาฬิกาเก็บเข้าตู้เซฟไว้สัก 10 ปี เพื่อเก็งกำไร แต่เมื่อนำมาตรวจสอบทีหลัง พบว่าเป็นของปลอม เจ้าหน้าที่ชุดนั้นๆ ก็ย้ายหน่วยงาน หรือเกษียณไปกันหมด ตนคงไม่ได้เงินคืนอย่างแน่นอน
...
ส่วน นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ใน ฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า จากที่มีการเสนอข่าวเกี่ยวกับการประมูลนาฬิกาของกรมศุลกากร ไปแล้ว ภายหลังพบว่าเป็นนาฬิกาปลอมเครื่องหมายการค้า กรมศุลกากรได้ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว มีข้อเท็จจริงดังนี้ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.65 เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรได้เข้าตรวจค้นร้านขายนาฬิกาบริเวณศูนย์การค้า Siam Square One พบนาฬิกามีเครื่องหมายการค้า จำนวน 14 รายการ ทั้งนี้ ได้เชิญเจ้าของสิทธิมาตรวจสอบ พบว่า มีจำนวน 1 เรือน เป็นสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้า และอีก 13 เรือน เป็นของที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ ดังนั้น กรมศุลกากร จึงนำนาฬิกาแท้ทั้ง 13 เรือน ประกาศขายทอดตลาด ในวันที่ 28 มิ.ย.2566 โดยเปิดให้เข้าชมของกลาง วันที่ 5 ก.ค.66 และเปิดซองการประมูล วันที่ 6 ก.ค.66 มีผู้เข้าร่วมการประมูลทั้งสิ้น 18 ราย
โฆษกกรมศุลกากร กล่าวอีกว่า หลังจากได้รับข้อมูลจากผู้ประมูลว่านาฬิกาที่มีการประมูลจากกรมศุลกากรเป็นสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้า กรมศุลกากรจึงได้ดำเนินการตรวจสอบทันที ซึ่งในวันนี้ ได้เชิญเจ้าของสิทธิมาหารืออีกครั้ง เจ้าของสิทธิแจ้งว่า นาฬิกาทั้งหมดที่ได้ประมูลไปนั้นเป็นสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้า กรมศุลกากรจึงออกคำสั่งยกเลิกการประมูล และให้คืนเงินให้กับผู้เข้าร่วมประมูลทั้งหมด โดยในส่วนของกรมศุลกากรจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทุกขั้นตอนของการประมูล ตลอดจนถึงขั้นตอนการส่งมอบนาฬิกาว่ามีการสลับนาฬิกาตามคำบอกเล่าหรือไม่
...
นายพันธ์ทอง กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ มีผู้ประมูลและได้นาฬิกาปลอมไปทั้งหมด 4 เรือน ส่วนท่านอื่นๆ ที่ได้ประมูลไปในรอบเดียวกัน จะมีการนัดให้มาคืนสินค้าและคืนเงิน ซึ่งกรมศุลกากร กล่าวได้เพียงขอโทษ และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีนโยบายจะชดใช้ค่าเสียหาย กรมศุลกากรขออภัยอีกครั้งสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและจะดำเนินการอย่างรอบคอบในการประมูลสินค้าครั้งต่อไป.