“สุรเชษฐ์ หักพาล” พร้อมชุดคลี่คลายคดีแถลงปิดฉากรูดม่านคดี “แอม ไซยาไนด์” สำนวนหนากว่า 26,500 หน้า สอบปากคำพยานไปกว่า 900 ปาก ใช้เวลารวบรวมหลักฐานนานกว่า 3 เดือน สามารถแจ้งเอาผิดได้กว่า 75 ข้อหา “ทนายพัช” และนายตำรวจอดีตสามีของ “แอม-สรารัตน์” โดนด้วย ขณะที่ ผบก.ป.ระบุสำนวนทั้ง 15 คดี เริ่มทยอยส่งให้อัยการได้ทันทีข้อหาที่สั่งฟ้องมีโทษสูงสุดถึงประหาร

ตำรวจชุดคลี่คลายคดี “แอม ไซยาไนด์” แถลงปิดคดีที่กองปราบฯ โดยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 มิ.ย. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พล.ต.ต.กำธร อุ่ยเจริญ ผบก.สพฐ.ภ.7 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ทัศน์ภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4 และ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ร่วมแถลงปิดคดี “แอม ไซยาไนด์” ที่มีนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญก่อเหตุวางยาเหยื่อโดยใช้สารไซยาไนด์ รวม 15 คดี มีผู้เสียชีวิต 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย เหตุเกิดในพื้นที่ 8 จังหวัด ในช่วงปี 58-66

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เปิดเผยถึงคดีนี้ว่า ผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีความเกี่ยวพันกับแอม-สรารัตน์ ในฐานะเจ้าหนี้เงินกู้ นายหน้าขายรถมือสอง และลูกวงแชร์ พนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีประกอบด้วยตำรวจกองปราบฯ บช.ภ.7 และกองพิสูจน์หลักฐานกลาง รวบรวมพยานหลักฐานจากที่เกิดเหตุทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด การสอบปากคำแพทย์ผู้ชันสูตรศพ ผลตรวจสอบเลือดและสารคัดหลั่งในกระเพาะจากศพเหยื่อรายสุดท้ายที่ จ.ราชบุรี จนพบสารไซยาไนด์ในเนื้อตับของผู้ตาย รวมทั้งสอบปากคำพยานอื่นๆอีกกว่า 900 ปาก มีเอกสารเกี่ยวกับคดี 26,500 แผ่น ใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานมากกว่า3เดือน ถือเป็นคดีที่ระดมชุดสืบสวนสอบสวนมากที่สุดในประเทศไทย สามารถสรุปสำนวนดำเนินคดีแอม-สรารัตน์ รวม 15 คดี ประกอบด้วยความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ปลอมปนอาหาร ยาหรือเครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใดเพื่อให้บุคคลอื่นเสพหรือใช้ การปลอมปนนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ปลอมและใช้เอกสารปลอมฯรวมกว่า 75 ข้อหา นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังดำเนินคดีกับบุคคลใกล้ชิดนางสรารัตน์อีก 2 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายพยานหลักฐาน ได้แก่ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามีแอม และทนายพัช-น.ส.ธันย์นิชาเอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความส่วนตัวของแอม ในความผิดฐานช่วยเหลือผู้อื่นมิต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำผิด

...

“คดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่ผู้ต้องหาวางแผนฆาตกรรมต่อเนื่องยาวนานกว่า 8 ปี วางยาพิษให้เหยื่อกินจนเสียชีวิตเหมือนการเจ็บป่วยด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว เพื่อไม่ให้ญาติมีข้อสงสัย จุดประสงค์เอาทรัพย์สินจากเหยื่อหรือล้างหนี้ที่เคยยืมกันมา มีผลการวิจัยพบหากฆาตกรเป็นผู้หญิงจะเกี่ยวกับการแสวงหาผลประโยชน์จากคนใกล้ชิด แต่หากเป็นผู้ชายจะเกี่ยวกับการฆ่าเรื่องทางเพศและล่าเหยื่อเป็นหลัก ผมขอให้มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินคดีกับผู้ต้องหาได้แน่นอนและจะไม่เกิดเหตุซ้ำเหมือนคดีนายสมคิด พุ่มพวง หรือคิด เดอะริปเปอร์ ฆาตกรต่อเนื่องที่ออกจากเรือนจำมาก่อเหตุซ้ำ ยืนยันแอม-สรารัตน์มีสภาพจิตปกติทุกอย่าง” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

ขณะที่ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.กล่าวว่า แนวทางการสืบสวนยังพบผู้ต้องหาในคดีนี้ติดพนันออนไลน์ มีหนี้ในและนอกระบบจำนวนมาก ต้องหาเงินมาชดใช้คืนด้วยวิธีดังกล่าว พฤติกรรมก่อเหตุมี 3 ขั้นตอนคือ 1.ขับรถไปรับผู้ตายออกมารับประทานอาหารจากที่บ้าน ก่อนลอบวางสารไซยาไนด์ และนำไปส่งบ้านกระทั่งผู้ตายเสียชีวิต 2.รับผู้ตายจากบ้านและลอบวางสารไซยาไนด์จนเสียชีวิต และ 3.ส่งแคปซูลยาอ้างเป็นยาลดความอ้วนไปให้ผู้ตายถึงที่บ้านซึ่งมีคดีเดียวใน จ.มุกดาหาร หลังผู้ต้องหาเห็นผู้ตายต้องการจะลดน้ำหนักหลังคลอด หลังก่อเหตุผู้ต้องหาจะโทรศัพท์หาเหยื่อหรือคนใกล้ตัวเหยื่อว่ามีอาการหรือไม่ หากมีอาการแล้วจะตัดขาดการติดต่อไป จากนั้นผู้ต้องหาพยายามทำลายพยานหลักฐานโดยไปเอาโทรศัพท์มือถือของผู้ตายออกมาทำลายข้อมูลในโทรศัพท์ที่จะเชื่อมโยงถึงตัว

“ส่วนเงื่อนไขตามข้อกฎหมายที่พิจารณายกเว้นโทษประหารชีวิต หากผู้ต้องหาเป็นหญิงตั้งครรภ์นั้น ขณะนี้แอม-สรารัตน์แท้งลูกไปแล้ว จึงถือว่าไม่เข้าเงื่อนไขข้างต้น ขณะที่สำนวนทั้ง 15 คดี จะเริ่มทยอยส่งให้อัยการได้ภายในวันนี้ โดยข้อหาที่สั่งฟ้องมีโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต” พ.ต.อ.เอนกกล่าว

มีรายงานว่า จากการตรวจสอบสารไซยาไนด์ที่ใช้ก่อเหตุยี่ห้อ “แพรีแอค” ผลิตที่ประเทศสเปน นำเข้าโดย 1 ใน 5 บริษัทในไทย ซึ่งเป็นสารไซยาไนด์ที่มีความเข้มข้นถึง 75 เปอร์เซ็นต์ และสั่งนำเข้ามา 2,000 ขวด ตั้งแต่ปี 64 ซึ่งพบเป็นลอตเดียวกันกับขวดของกลางที่ใช้ สำหรับสินค้าพบว่าคงเหลือที่ 543 ขวด และอีก 1,600 กว่าขวดถูกจำหน่ายไปหลายแห่ง ทั้งสถานศึกษาและเทรดเดอร์ต่างๆ 6 แห่งที่ประชาชนสามารถสั่งซื้อได้ นอกจากนี้ยังพบว่ามีแห่งหนึ่งจำหน่ายให้ประชาชนนำไปใช้ฆ่าตัวตาย ฆ่าสัตว์ หรือใช้ผิดวัตถุประสงค์ ในส่วนของแอม-สรารัตน์ได้สั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทแห่งหนึ่งที่มีการจัดส่งสินค้าผ่านเมสเซนเจอร์แทนการส่งทางไปรษณีย์