แม่โพสต์ทวงความเป็นธรรม หลังลูกสาววัย 20 ไปทำงานเชียร์เบียร์ในร้านอาหารกลางเมืองปากน้ำโพ ถูกลูกค้าคุ้นหน้าคุ้นตากล่าวหาจับอวัยวะเพศ-ตบหน้าหงายปากแตกคาโต๊ะ อีกทั้งยังกร่างท้าแจ้งความ เบ่งเป็นคนใหญ่โต ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว พบเป็นอดีตทหารวัยเกษียณ ตร.อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเอาผิด
เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง นำคลิปเหตุการณ์หญิงสาวถูกชายทำร้ายร่างกาย ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โพสต์ลงเพจเฟซบุ๊กกลุ่มสาธารณะแจ้งข่าวเตือนภัยของชาวนครสวรรค์ พร้อมระบุข้อความว่า "คลิปนี้เป็นเหตุการณ์เมื่อคืนวันศุกร์ 23 มิ.ย.66 #กันจอมพลัง ซอยวัชระค่ะขออนุญาตไม่แจ้งชื่อร้านนะคะ ลูกสาวของเราทำงานเป็นเด็กเชียร์เบียร์ ที่หัวหน้างานมีการจับลงตามร้านต่างๆ ทุกครั้งที่ทำงานก็ทำเป็นปกติทั่วไป ที่เด็กสาวเชียร์เบียร์ทำน่ะค่ะ งานที่ไหนถ้าไม่ไกลมากจนพ่อแม่เป็นห่วง เขาก็จะรับหมดทุกงาน แต่ในคลิปนี้ลูกค้าอ้างว่าลูกสาวไปจับอวัยวะเพศของเขา แล้วเหตุการณ์ก็ตามในคลิปเลย อีกทั้งยังมีการข่มขู่ว่า "เป็นคนใหญ่คนโต ถ้าไปแจ้งความมึงต้องเอากูให้ลง ถ้าเอากูไม่ลงกูจะกลับมาเก็บมึง" ตอนนี้แจ้งความไว้ที่กองใต้แล้ว ตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว ตำรวจแจ้งว่าให้หาหลักฐานมาเอง #นั่นลูกกูไม่ใช่ลูกมึง #มึงไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรลูกกู #และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โพสต์นี้เพื่อเป็นประโยชน์ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง #หวังอีกครั้งว่าจะมีคนใดสักคนเข้ามาช่วยเหลือนะคะ
ต่อมา ผู้สื่อข่าวจึงติดต่อไปยังผู้โพสต์ ทราบว่า ผู้เสียหายชื่อ น.ส.สุสิตา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี เป็นลูกสาวเจ้าของโพสต์ ทำงานเป็นพนักงานเชียร์เบียร์ตามร้านอาหารต่างๆ จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพบกับ น.ส.สุสิตา ที่บ้านพัก เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเจ้าตัวได้โชว์ร่องรอยการบาดเจ็บที่ใบหน้าให้ผู้สื่อข่าวดู พร้อมเล่าว่า คืนวันเกิดเหตุ ตนก็ไปทำงานตามปกติ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งอยู่ในซอยวัชระ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งตนก็เดินเชียร์ขายสินค้าตามโต๊ะลูกค้า แล้วได้พบกับลูกค้าคนหนึ่ง (คู่กรณี) ที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี เรียกตนให้ไปหาที่โต๊ะ พร้อมบอกจะช่วยซื้อเบียร์ 3 ขวด จากนั้นตนก็เอาเบียร์ไปเสิร์ฟให้ แล้วนั่งคุยเป็นเพื่อนลูกค้าคนดังกล่าว ซึ่งระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่นั้น ก็มีการโดนเนื้อโดนตัวกัน แต่ปรากฏว่าตนถูกลูกค้ารายนี้ ง้างมือตบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง จนตนต้องรีบเอามือไปจับข้อมือลูกค้าไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาตบซ้ำครั้งที่สอง แต่ก็ยังไม่วาย ถูกเขาด่าสาดเสียเทเสีย หาว่าตนไปล้วงจับหนอนน้อย (อวัยวะเพศ) เขา แถมยังพูดข่มขู่ตนประมาณว่า "เป็นคนใหญ่คนโต ถ้าไม่แน่จริง ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก"
...
เมื่อถามว่า เอามือล้วงไปจับอวัยวะ ตามที่ลูกค้าคนดังกล่าวอ้างจริงหรือไม่ น.ส.สุสิตา กล่าวยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ตอนนั้นยอมรับว่าระหว่างที่พูดคุยกันนั้น ต่างคนต่างเมากันทั้งคู่ และมีการพูดจาหยอกล้อเล่นกัน แล้วตนก็เอื้อมมือไปจับพุงของเขา ตามประสาคนรู้จักกันก็แค่นั้น ซึ่งก็มีเพื่อนสาวที่ทำงานที่เดียวกันยืนยันได้ว่า เห็นตนเอามือไปจับพุงลูกค้าจริงๆ แต่ดันกลายเป็นว่าเขาโมโหแล้วง้างมือตบตนอย่างแรงจนปากแตก อีกทั้งยังหาว่าตนไปจับอวัยวะเพศ จึงทำให้ตอนนั้นตนรู้สึกอายมาก แต่ก็เอามือไปจับข้อมือเขาไว้เพื่อป้องกันตัว แล้วก็ถามเขาว่า ต้องตบกันเลยหรอ จากนั้นกลุ่มเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันกับเขา ก็ช่วยกันดึงและห้ามปรามก่อนที่ตนจะลุกหนีออกจากโต๊ะไปนั่งกับลูกค้าโต๊ะอื่น
"ตอนนั้นหน้าหนูทั้งมึนทั้งชาไปหมดเลย แถมปากก็แตก อารมณ์ตอนนั้นหนูก็โมโหถึงขั้นเกือบขีดสุด แต่ก็ยังมีสติข่มใจเอาไว้ แล้วตัดสินใจลุกจากโต๊ะเขาไปทันที พอหลังเลิกงาน หนูก็ให้เพื่อนๆ ภายในร้านนำหลักฐานกล้องวงจรปิดตอนเกิดเหตุไปแจ้งความกับตำรวจ เพื่อดำเนินคดีกับลูกค้ารายนี้ให้ถึงที่สุด แต่ปรากฏว่า ทางตำรวจกลับให้หนูไปหาหลักฐานมาเพิ่ม เพราะตำรวจให้เหตุผลว่า "ไม่รู้ว่าลูกค้ารายนี้เป็นใครอยู่ที่ไหน" ซึ่งก็พาหนูมึนมืดแปดด้านเข้าไปอีก เพราะถึงแม้หนูจะเคยรู้จักและพูดคุยกับลูกค้ารายนี้มาก่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครอยู่ที่ไหน เพราะที่ผ่านมาก็มักจะเจอเขาตามร้านอาหารต่างๆ ที่หนูเคยไปทำงานเท่านั้น แต่พอหลังเลิกงานก็ไม่เคยมีเบอร์พูดคุยติดต่อกันเลย ประมาณว่าหนูมาทำงาน แล้วเขาก็มาสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน คอยช่วยอุดหนุนสินค้าหนู หนูก็คอยเอนเตอร์เทนเอาใจเพื่อสร้างความครึกครื้นให้กับกลุ่มของเขา ที่ช่วยอุดหนุนสินค้าก็แค่นั้น" น.ส.สุสิตา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่พูดคุยสอบถาม น.ส.สุสิตา (ผู้เสียหาย) อยู่นั้น ปรากฏว่ามีสายโทร. เข้ามาที่โทรศัพท์ น.ส.สุสิตา เจ้าตัวจึงรับสายและทราบว่าคนโทร. เข้ามาเป็นตำรวจเจ้าของคดี นัดให้ไปที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบหาพยานหลักฐาน แต่ในระหว่างการพูดคุยกันนั้น ทางตำรวจได้มีการสอบถามถึงกรณีที่ผู้เสียหายระบุข้อความโพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า "ทางตำรวจให้ไปหาหลักฐานเอาเองนั้น" ซึ่งทางตำรวจที่โทร. เข้ามายืนยันว่าไม่เป็นความจริง พร้อมชี้แจงว่าทางตำรวจบอกให้ผู้เสียหายไปหาหลักฐานมาเพิ่มเติม เพื่อประกอบสำนวนในการเตรียมเอาผิดคู่กรณี ซึ่งผู้เสียหายได้ฟังแล้วก็ทำหน้างุนงงกับคำพูดของตำรวจ แต่ก็ตอบกลับไปเพียงว่า "ค่ะ" ตลอดจนตำรวจวางสายไป
ด้าน นางแสงรุ้ง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี แม่ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตอนนั้นกลัวลูกสาวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และกลัวคู่กรณีจะมาเอาเรื่องทำร้ายลูกสาวอีก จึงนำคลิปจากกล้องวงจรปิด พร้อมโพสต์บรรยายเรื่องราวที่เกิดขึ้นตามที่ลูกสาวเล่าให้ฟัง เอาไปโพสต์ไว้ในเพจเฟซบุ๊กกลุ่มสาธารณะ เพื่อต้องการให้สังคมรับรู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น หากลูกสาวเกิดเป็นอะไรไปอีก อย่างน้อยก็มีคนในโซเชียลที่สนใจ คอยเป็นแรงผลักดันในการช่วยเหลือ
"ตอนที่ตนรู้ว่าลูกสาวโดนลูกค้าทำร้ายนั้น ก็รู้สึกโมโหแทนลูก อยากจะเจอตัวคนทำร้ายมาก แต่ตอนนี้ตนรู้สึกห่วงความปลอดภัยของลูกมากกว่า และที่นำเรื่องราวไปโพสต์นั้น เพื่อหวังต้องการที่จะให้ใครสักคน ที่กล้าชนกล้าต่อกรมาช่วยในการเอาผิดคู่กรณี ที่เขาประกาศศักดาว่า 'ข้านี่ยิ่งใหญ่นักหนา' เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับลูกสาว" ผู้เป็นแม่ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในส่วนของเรื่องทางคดีความนั้น ล่าสุดมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว เบื้องต้นทราบว่าคู่กรณีเป็นอดีตทหารที่เกษียณอายุราชการ วัย 63 ปี ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมในการเอาผิดคู่กรณีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
...