ศาลออกหมายจับ “ร.อ.สุเทพ-ร.อ.ทองทศ-เจ๊เยาว์” 3 จำเลยคนสำคัญคดีสังหารโหดสองผัวเมียเศรษฐีเจ้าของตลาดโรงเกลือเมื่อปี 61 หลังไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา พร้อมริบเงินประกันคนละ 1.5 ล้านบาท นัดฟังคำสั่งวันที่ 9 ส.ค. ถ้าไม่มาอีกจะอ่านคำสั่งลับหลัง เผยคดีนี้มีจำเลย 6 คน ยกฟ้อง 1 คนเสียชีวิตไปแล้ว ถูกตัดสินประหารชีวิตคุมขังอยู่ในเรือนจำ 1 คน ที่เหลือ 4 คนศาลอุทธรณ์พิพากษากลับลงโทษหนักประหารชีวิต 3 คน และจำคุกตลอดชีวิต 1 คน มาฟังคำพิพากษาคนเดียว อีก 3 คนหนีหาย
จากคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่คนร้ายบุกปาดคอฆ่านางสายันต์ หรือเจ๊สายันต์ จันทรา อายุ 64 ปี เศรษฐินีเจ้าของตลาดโรงเกลือ และนายพิพัฒน์ หรือเสี่ยกวง ตั้งพงศ์ทอง อายุ 71 ปี สามี เสียชีวิต 2 ศพ ในบ้านหรู อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 ม.ค.61 ตำรวจแกะรอยจากกล้องวงจรปิดในบ้านจนสามารถจับกุมนายวิชัย พุ่มเรือง พนักงานเทศบาลตำบลคลองหาด เป็นผู้ต้องหา 1 ใน 4 คน ที่ตำรวจระบุว่าปรากฏภาพอยู่ในกล้องวงจรปิด จากนั้นติดตามจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมคือ ร.อ.สุเทพ มากสาคร นายกเทศมนตรีตำบลคลองหาด ร.อ.ทองทศ หรือทองวราห์ มากสาคร ส.อบจ.สระแก้ว พร้อมพวก รวมผู้ต้องหาในคดีนี้ทั้งหมด 6 คน
ที่ศาลจังหวัดสระแก้ว เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 15 มิ.ย. องค์คณะผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำสั่งศาลฎีกาในคดีแดงที่ อ.540/2562 ที่พนักงานอัยการจังหวัดสระแก้วและ น.ส.วิภาวดี จันทรา ลูกสาวผู้ตายเป็นโจทก์ร่วมฟ้องนายวิชัย พุ่มเรือง นายนพรุจ รุประมาณ นายวิชิต อินทร์แก้ว ร.อ.สุเทพ มากสาคร ร.อ.ทองทศ หรือทองวราห์ มากสาคร และนางมณีรัตน์ โกทัณย์ เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดร่วมกันจ้างวานฆ่า ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และ พ.ร.บ.อาวุธปืน คดีคนร้ายบุกปาดคอฆ่านางสายันต์ หรือเจ๊สายันต์ จันทรา อายุ 64 ปี และนายพิพัฒน์ หรือเสี่ยกวง ตั้งพงศ์ทอง อายุ 71 ปี สองสามีภรรยาเศรษฐีในตลาดโรงเกลือ
...
เมื่อถึงเวลานัดอ่านคำสั่งศาลฎีกาปรากฏว่าจำเลยที่ 4 ร.อ.สุเทพ มากสาคร หรือนายกเต่า อดีตนายกเทศมนตรีตำบลคลองหาด จำเลยที่ 5 ร.อ.ทองทศ หรือทองวราห์ มากสาคร อดีตรองประธานสภา อบจ.สระแก้ว น้องชายของ ร.อ.สุเทพ และจำเลยที่ 6 นางมณีรัตน์ โกทัณย์ หรือเจ๊เยาว์ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ไม่มาศาลตามนัด ผู้พิพากษาจึงมีคำสั่งให้ริบเงินประกันจำเลยที่ 4-6 คนละ 1.5 ล้านบาท และออกหมายจับจำเลยทั้ง 3 ให้มาฟังคำสั่งศาลฎีกาในนัดต่อไปวันที่ 9 ส.ค.66 เวลา 10.00 น. หากไม่เดินทางมาอีกจะอ่านคำสั่งศาลฎีกาลับหลัง
คดีนี้ศาลจังหวัดสระแก้วมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 มี.ค.62 ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1, 2, 4 และ 5 เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอจะเอาผิดได้ ส่วนจำเลยที่ 3 กระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาลงโทษประหารชีวิต แต่ให้การเป็นประโยชน์ต่อคดี จึงลดโทษให้เป็นจำคุกตลอดชีวิตและให้ชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 2,050,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 6 ศาลสั่งจำคุก 4 เดือนโดยไม่รอลงอาญาในความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน ต่อมาโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 ขอให้ศาลลงโทษจำเลยสถานหนักทุกคน ยกเว้นจำเลยที่ 3 ที่ถูกควบคุมตัวไปอยู่ในเรือนจำแล้ว
ต่อมาวันที่ 14 ก.ค.63 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำพิพากษากลับ ให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 นายวิชัย พุ่มเรือง จำเลยที่ 4 ร.อ.สุเทพ มากสาคร และจำเลยที่ 5 ร.อ.ทองทศ หรือทองวราห์ มากสาคร ให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยที่ 6 นางมณีรัตน์ โกทัณย์ หรือเจ๊เยาว์ และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2 พร้อมทั้งให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 2 ล้านบาท จำเลยทั้งหมดขอยื่นประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีในศาลฎีกาว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้องของโจทก์ ศาลอนุญาตให้ประกันตัว โดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกันคนละ 1.5 ล้านบาท
จนกระทั่งถึงวันนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้ จำเลยที่ 4, 5 และ 6 ไม่มาฟังคำพิพากษา ส่วนจำเลยที่ 2 นายนพรุจ รุประมาณ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องได้เสียชีวิตไปก่อนหน้า ขณะที่นายวิชิต อินทร์แก้ว จำเลยที่ 3 ยังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำในจังหวัดชลบุรี มีจำเลยเพียงคนเดียวคือนายวิชัย พุ่มเรือง จำเลยที่ 1 เดินทางมารับฟังคำสั่งศาล เจ้าตัวกล่าวเพียงสั้นๆว่า คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำความผิดจึงเดินทางมาเพื่อรับฟังคำสั่งศาล ปัจจุบันยังคงประกอบอาชีพและพักอยู่ที่บ้านในพื้นที่ อ.คลองหาด จ.สระแก้วเช่นเดิม