ชาวบ้านเดือด บุกทวงเงินเจ้าหน้าที่ อบต.แห่งหนึ่งใน อ.พังโคน จ.สกลนคร อ้างฝากสอบบรรจุเป็นข้าราชการท้องถิ่นในตำแหน่งต่างๆ ได้ เหตุเกิดระหว่าง ปี 63-66 เรียกเงินค่าวิ่งเต้นรายละ 450,000-600,000 บาท มีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อแล้ว 38 ราย เสียหายเกือบ 30 ล้าน ไปแจ้งความแต่คดีไม่คืบหน้า สุดข้องใจทำไมยังปล่อยให้ลอยนวล

เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวบ้าน นำโดย น.ส.สุดาทิพย์ คุณามา อายุ 26 ปี บ้านเลขที่ 6 หมู่ 2 ต.ม่วงไข่ อ.พังโคร จ.สกลนคร และผู้เสียอีกกว่า 30 คน รวมตัวเข้ามาร้องเรียนว่าพวกตนได้รับความเดือดร้อน จากการถูกเจ้าหน้าที่ของ อบต.แห่งหนึ่งใน อ.พังโคน จ.สกลนคร หลอกเอาเงินในเชิงฉ้อโกง โดยระบุว่าสามารถฝากสอบเข้าทำงานเป็น ข้าราชการท้องถิ่นในตำแหน่งต่างๆ ได้ โดยเสียเงินให้รายละ 450,000-600,000 บาท เหตุเกิดมาตั้งแต่ ปี 2562 จนปัจจุบัน มีผู้ตกเป็นเหยื่อแล้ว 38 ราย รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 30 ล้านบาท เหยื่อบางรายได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ ใน สภ.ท้องที่เกิดเหตุหลายแห่ง แต่คดีไม่คืบหน้า เพราะเจ้าหน้าที่รายดังกล่าว ยังมาทำงานตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมกินภาษีของชาวบ้านอีกด้วย 

ผู้เสียหายรายหนึ่งบอกว่า ครั้งแรกได้มาหลอกว่าจะฝากสอบเป็นข้าราชการให้ได้ โดยจะต้องจ่ายเงินให้ 1.5 แสนก่อนแล้วบอกว่าใกล้จะสอบแล้ว หากต้องการจะได้ตำแหน่งที่ต้องการ จะต้องเสียเพิ่มเป็นเงิน 5-6 แสนบาท สุดท้ายกลับไม่ได้ทวงถามก็ผลัดวันไปเรื่อยๆ 

...

ขณะที่ น.ส.พรภิรมย์ ก้อนแพง ปลัดอำเภออาวุโสอำเภอพรรณานิคม ได้มารับเรื่องและนัดผู้เสียหายทั้งหมด มาที่ว่าการอำเภออีกครั้ง ในเวลา 15.00  น.โดยนัดนายอำเภอ, ผกก.สภ.พรรณานิคม นายก อบต.ช้างมิ่ง และเจ้าหน้าที่เจ้าปัญหามาเจอกัน เพื่อหาทางคลี่คลายปัญหา 

ต่อมา เวลา 15.00 น.วันเดียวกัน นายยรรยง พรมศร นายอำเภอพรรณานิคม พ.ต.ท.สนั่น คำสีเขียว รอง ผกก.สส.ฯ นายสมเกียรติ โรจนวรกมล ทนายความ รับมอบหมายจากผู้เสียหาย นายอุกฤษณ์ บาลลา นายก อบต.ช้างมิ่ง ปลัดอำเภออาวุโส ท้องถิ่นอำเภอ นางสุภารัตน์ อัคพิน รองปลัด อบต.ช้างมิ่ง และผู้เสียหายกว่า 30 ราย ได้มาพูดคุยชี้แจงกัน โดยนายอำเภอได้ให้ผู้ร้องกล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และนางสุภารัตน์ ได้ชี้แจงว่า กองทุนขยะได้เริ่มมาตั้งแต่ ปี 2558 จนถึงปี 2563 เป็นช่วงโควิด ไม่สามารถดำเนินการกองทุนต่อได้ จึงไม่มีการจ่ายเงินให้ผู้เสียชีวิต ตนเคยเรียกประชุมชาวบ้านแต่ไม่ได้ประชุม ซึ่งตรวจสอบสมุดได้ 

ด้านนายอุกฤษณ์ บาลลา นายก อบต.ช้างมิ่ง กล่าวว่า ตนเคยสอบถามที่ไปที่มาของเงินกองทุนขยะแต่ไม่มีใครให้รายละเอียดข้อมูลได้ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเงินมากพอสมควร โดยที่ประชุมเห็นว่าควรไปตรวจสอบสมุดรายรับรายจ่ายก่อน

นายอำเภอพรรณานิคม กล่าวต่อถึงประเด็นการฉ้อโกงกับ นางสุภารัตน์ รองปลัด อบต.ช้างมิ่ง ว่า จริงไหมที่รับเงินจากผู้เสียหายที่อยากเป็นข้าราชการจริง แต่ตนไม่มีหน้าที่ในการรับข้าราชการ แต่ได้ส่งเงินให้กับคณะทำงานของปลัดกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบัน โดยได้ค่าแนะนำรายละ 50,000 บาท  

ทนายสมเกียรติ ได้ซักถามนางสุภารัตน์ ว่า เงินที่ผู้เสียหายได้จ่ายไปนั้น จะชดใช้คืนอย่างไร โดยนางสุภารัตน์ บอกว่าตนก็ขอเงินกับคนที่ตนได้ส่งเงินให้ โดยจะไปฟ้องเอาก็ไม่ได้ เพราะตำรวจบอกว่าเกิน 3 เดือนแล้ว ไม่สามารถฟ้องได้ 

ทนายสมเกียรติได้ซักถามต่อว่ามีการยักย้ายถ่ายเทสินทรัพย์ไปที่อื่นหรือไม่ นางสุภารัตน์ ตอบว่าไม่จริง เงินที่ได้มาก็นำไปมอบให้กับคณะทำงานฯไปแล้ว จึงไม่มีคำตอบว่าจะชดใช้อย่างไร แต่จะพยายามชดใช้ทีละรายไป ทั้งหมดจึงทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่ากลุ่มฝากงานมีกี่ราย งานกู้ยืม เงินซื้องานรับเหมา จะต้องชดใช้โดยให้ผู้เสียหายไปแจ้งความที่เกี่ยวกับคดี เพื่อที่จะฟ้องร้องหากมีการบิดพลิ้ว

ขณะที่ ชาวบ้านใน ต.ช้างมิ่ง จำนวน 18 หมู่บ้าน กว่า 20 ราย ซึ่งเป็นสมาชิกกองทุนขยะ ของ อบต.ช้างมิ่ง กว่า 1 พันคน ได้มาร่วมร้องสมทบว่า ให้ข้อมูลว่ากองทุนขยะนี้ สมาชิกทุกคนจะถูกเรียกเก็บเงิน คนละ 300 บาท ต่อเดือน เพื่อนำเงินมาจ่ายให้กับสมาชิกที่เสียชีวิต รายละ 26,000 บาท แต่ปรากฏว่าหลายปีมานี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 20 ราย ซึ่งยังไม่ได้รับเงินชดเชยแต่อย่างใด จึงต้องการให้ดำเนินการตามกฎหมาย ชาวบ้านไม่ต้องการให้อยู่ในท้องที่ อบต.ช้างมิ่ง  

อย่างไรก็ตาม น.ส.พูนศรี พงษ์เพชรดิถ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.สกลนคร กล่าวว่า ได้รับรายงานทางวาจาแล้ว เบื้องต้นได้แนะนำให้ผู้เสียหายเข้าไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่เกิดเหตุนั้นๆ แล้วเข้ามาร้องเรียนที่ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดสกลนคร เพื่อดำเนินการต่อไป 

...

ด้าน นายสมเกียรติ โรจนวรกมล ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้หากเจ้าตัวเกิดเบี้ยวขึ้นมาโดยไม่ชดใช้ให้กับผู้เสียหาย ก็สามารถที่จะฟ้องร้องได้ เพราะเจ้าตัวก็รับสารภาพแล้วว่าไม่มีการฝากงานจริง ไม่มีการซื้อขายงานจริง ขณะเดียวกัน มีเหยื่อรายหนึ่งร่ำไห้เล่าว่า ตนไปยืมโฉนดที่ดิน 2 แปลง ไปจำนองกับนายทุน จำนวน 5 แสนบาท แล้วนางสุภารัตน์ เอาเงินไป บัดนี้นายทุนจะยึดที่ดินนั้นแล้ว ขอให้นางสุภารัตน์ไปพูดกับนายทุนให้ด้วย.