การควบคุมชาวต่างชาติที่เข้ามาพํานักอาศัยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นนโยบายสำคัญของ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.
กำชับ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. ตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมมาก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทําให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ
ใช้ไทยเป็นฐานกระทําผิด
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ รับการประสานจาก สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กรณี นายหวง อายุ 61 ปี สัญชาติจีน (ไต้หวัน) ผู้ต้องหารายสำคัญหลบหนีหลบซ่อนอยู่ในประเทศไทย เป็นหัวหน้าแก๊งชาวไต้หวันเปิดบริษัทผลิตยาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ก่ออาชญากรรมหลอกลวงประชาชน เปิดบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ “ปั่นหุ้น” หลอกลวงประชาชนมีผู้เสียหาย 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท ตามหมายจับของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)
พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. สั่งให้ พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม. สืบสวนทราบว่า นายหวงถือหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู เข้าไทยวันที่ 5 ก.พ.64 ด้วยวีซ่า THAILAND PRIVILEGE CARD และหลบซ่อนตัวอยู่ในคอนโดหรูย่านประตูน้ำ
ตรวจสอบเป็นบุคคลตามหมายจับถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวฯ เข้าค้นพบเงินสด 1 ล้านบาท โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง บัตรประชาชนประเทศสิงคโปร์ บัตรเครดิตหลายรายการ
นายหวงรับว่า ก่อนหน้าหลบหนีไปที่ประเทศสิงคโปร์ ทําหนังสือเดินทางประเทศวานูอาตู และหลบหนีเข้ามาที่ไทย พฤติการณ์ของแก๊งจัดตั้งบริษัทผลิตผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาในช่วงโควิด -19 หลังจากเปิดบริษัทแล้วนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์และให้ผู้ร่วมขบวนการเปิดบริษัทที่อยู่ในต่างประเทศเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัท
...
ทํารายงานอันเป็นเท็จ
ก่อนทำการเผยแพร่เพื่อหลอกลวงให้ประชาชนเข้าซื้อหุ้น โดยราคาของหุ้นจะถูกปั่นไปถึง 5 แสนบาทต่อ 1,000 หุ้น หลังประชาชนโดนหลอก เชื่อเข้ามาซื้อหุ้นบริษัทแล้วจะได้โยกเงินไปยังต่างประเทศแล้วปิดบริษัท
คดีนี้ผู้เสียหายในประเทศไต้หวันมากกว่า 10,000 ราย ความเสียหายมากกว่า 23,000 ล้านบาท
หลังชุดสืบสวน สตม.จับกุมขยายผล สำนักงานตำรวจแห่งชาติไต้หวัน เข้ายึดทรัพย์ของผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 60 ล้านบาท มีการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้อีก 29 ราย และจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 27 ราย
สืบสวน สตม.ปิดคดีผู้ต้องหาสำคัญไต้หวัน.
“เพลิงพยัคฆ์”
pluengpayak@thairath.co.th