ชุดสืบสวนนครบาล ตามรวบ ดิสโก้ สาวโปรไฟล์ เจ้าแม่ E-ticket หากินด้วยการขายบัตรคอนเสิร์ตศิลปินดัง ล่าสุดหลอกขายตั๋วทิพย์ BLACKPINK ทำแฟนด้อมอกแทบแตก ซื้อบัตรราคากว่าหมื่นแต่อดชม ถูกจับมีดราม่ากรีดน้ำตา อ้างนำบัตรที่จองซื้อและขายหมดแล้ว 200 ใบ มาเวียนขายซ้ำ พบมีคดีฉ้อโกงยาวเป็นหางว่าว  

กรณีเหล่าด้อม BLINK สุดช้ำ อดเข้าคอนเสิร์ต “BLACKPINK” ทั้งที่เฝ้ารอการโคจรมาที่ประเทศไทยอย่างใจจดใจจ่อ สืบสาวราวเรื่องจนพบมิจฉาชีพตัวแสบนามเรียกขานว่า “ดิสโก้ เจ้าแม่ E-ticket” แฝงตัวตีเนียนเป็นผู้ขายตั๋วทิพย์เข้าคอนเสิร์ต หลังจบคอนเสิร์ตเหล่าสาวกผู้ประสบชะตากรรมจึงรวมตัวจองกฐินเข้าแจ้งความดำเนินคดี พร้อมล่าตัวเจ้าแม่รายนี้ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.(PCT) กำชับให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ร่วมกับชุด PCT5 ได้ทราบถึงความเดือดร้อน ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ทราบเบาะแส นำกำลังชุดสืบนครบาล และ PCT5 ไล่ล่าจับกุมตัว น.ส.ณัฐริกา ยางสวย หรือดิสโก้ เจ้าแม่ตั๋วทิพย์ได้ ตรวจสอบแล้วมีผู้เสียหายจำนวนมาก เสียหายกว่า 7 แสนบาท ขยายผลถึงแผนประทุษกรรมเจ้าแม่รายนี้คือ “ขายตั๋วซ้ำๆ” ขายตั๋วหมดแล้วก็เอาตั๋วใบเดิมกลับมาวนขายให้คนอื่นอีก เจ้าตัวอ้าง “คืนเงินแล้ว” ดราม่าเรียกน้ำตาจากชุดจับกุม โดยผู้การจ๋อทิ้งท้ายว่า “แม้ลุงคนนี้จะพาวง BLACKPICK กลับมาให้น้องๆ ชมตัวเป็นๆ ไม่ได้ แต่ก็ขอจับกุมคนร้ายที่ทำร้ายจิตใจน้องๆ ให้ได้รับโทษตามกฎหมาย”

...

ต่อมาเวลา 11.00 น. วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.PCT ชุดที่ 5, พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น./รอง หน.PCT ชุดที่ 5, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น., พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว, พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ, ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น, ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร, ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา, ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ อันชูฤทธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สน.ดินแดง, ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร.(PCT) ชุดที่ 5 และชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัว น.ส.ณัฐริกา ยางสวย หรือดิส อายุ 26 ปี ที่อยู่ ม.2 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงสระบุรีที่ 73/2566 ลงวันที่ 27 เม.ย. 66 โดยกล่าวหาว่า "ฉ้อโกงทรัพย์ทางออนไลน์"

ตรวจสอบพบประวัติการถูกดำเนินคดีกว่า 9 คดี ดังนี้

1. วันที่ 21 เม.ย. 65 ก่อเหตุ "ฉ้อโกงทรัพย์ทางออนไลน์" พื้นที่ สภ.หนองแค จ.สระบุรี

2. วันที่ 18 ต.ค. 65 ก่อเหตุ “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” พื้นที่ สน.ปทุมวัน

3. วันที่ 15 พ.ย. 65 ก่อเหตุ “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” พื้นที่ สน.ปทุมวัน

4. วันที่ 9 ธ.ค. 65 ก่อเหตุ “ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญ” พื้นที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

5. วันที่ 21 ธ.ค. 65 ก่อเหตุ “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” พื้นที่ สน.ปทุมวัน

6. วันที่ 8 ม.ค. 66 ก่อเหตุ “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” พื้นที่ สน.ปทุมวัน

7. วันที่ 8 ม.ค. 66 ก่อเหตุ “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” พื้นที่ สน.ปทุมวัน

8. วันที่ 8 ม.ค. 66 ก่อเหตุ “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” พื้นที่ สน.ปทุมวัน

9. วันที่ 8 ม.ค. 66 ก่อเหตุ “ฉ้อโกง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ” พื้นที่ สน.ปทุมวัน

สืบเนื่องจากมหกรรมคอนเสิร์ตวง BLACKPINK ที่ผ่านมาไม่นาน ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของ บก.สส.บช.น. ได้พบเบาะแสว่ามีการฉ้อโกงบัตรคอนเสิร์ตเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีผู้เสียหายหลายรายซึ่งเป็นเหล่าแฟนคลับต่างได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนออนไลน์ชุด PCT5 และสืบนครบาล ได้สืบสวนแกะรอยจนทราบว่าคือ น.ส.ณัฐริกา ยางสวย หรือดิส อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ และมีคดีเกี่ยวกับการฉ้อโกงบัตรคอนเสิร์ตกว่า 9 คดี พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัว จนทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีไปอยู่ในระแวก ซ.ไมยราบ แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบก็ได้เบาะแสผู้ต้องหาจากชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเพราะพฤติกรรมหวาดระแวงและหลบๆ ซ่อนๆ ของผู้ต้องหา จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่ อรุณภักดิ์ อพาร์ตเมนต์ ซ.เนียมกล่ำสามัคคี 2 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “หาเงินได้จากคอนเสิร์ตต่างๆ ที่จัดขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะคอนเสิร์ต BLACKPINK ที่มีคนไทยให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก  เห็นช่องทางหารายได้ จึงรับกดบัตรทางออนไลน์ โดยให้กลุ่มเพื่อนและน้องสาวช่วยกันกดซื้อบัตรเพื่อนำมาขายต่อให้กับสาวก BLACKPINK ในประเทศไทย โดยได้จองบัตรคอนเสิร์ต BLACKPINK ในราคา 9,600 บาท ซึ่งเป็นบัตรนั่งราคาแพงที่สุด ได้มาประมาณ 200 ใบ จากนั้นจึงนำมาขายต่อในราคาใบละ 15,000-30,000 บาท มีผู้ต้องการซื้อจำนวนมากนับหมื่นคน จนขายหมดทั้ง 200 ใบ ได้กำไรหลายแสนบาท แต่ยังมีลูกค้ามาขอซื้อต่อเรื่อยๆ ตนจึงเกิดความโลภ และเห็นว่าตั๋วทั้งหมดเป็นตั๋วแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-ticket) จึงมีการนำบัตรที่มีการขายไปแล้ว วนขายซ้ำให้ผู้ที่มาขอซื้อ จนวันจัดคอนเสิร์ต BLACKPINK เกิดปัญหาตั๋วที่นั่งเดียวมีคนไปแสดงตัวเป็นเจ้าของหลายคน ทำให้ตัวเองซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของบัตรดังกล่าวจึงโดนติดตามตัว และโดนแจ้งความดำเนินคดี แต่ก็ได้ทยอยคืนเงินให้ผู้เสียหายบางคนแล้ว แต่ยังมีผู้เสียหายจำนวนมากที่ยังไม่ได้เงินคืนเพราะไม่มีเงินแล้ว จึงหนีจากที่อยู่เดิมไปกบดานอยู่ที่แถวลาดพร้าวจนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว ขอยอมรับผิดและจะพยายามหาเงินมาคืนให้ผู้เสียหายทุกคน” น.ส.ณัฐริกา กล่าว  หลังจากจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัว น.ส.ณัฐริกา ผู้ต้องหา ส่งที่ สภ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย 

...

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า เราไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ หรือคำแก้ตัวของคนร้ายรายนี้ แม้จะมีการเรียกน้ำตาความน่าสงสาร เพราะพยานหลักฐานจากฝ่ายผู้เสียหายนั้นมัดแน่น คนร้ายเป็นสาวโปรไฟล์ดี หาเงินจากการขายบัตรคอนเสิร์ตให้สาวกซุปเปอร์สตาร์ได้จำนวนมาก แต่จากการสืบสวนเชิงลึกพบว่าคนร้ายมีพฤติกรรมติดพนันออนไลน์ เมื่อเสียเงินจากพนันออนไลน์จนหมดตัว ทำให้เกิดความโลภ คิดคดโกงหาเงินแบบรวดเร็วเพื่อเอามาเล่นพนันออนไลน์อีก จนผู้เสียหายรวมกลุ่มติดตามคนร้ายจำนวนมากเพื่อเอาเงินคืน คนร้ายไม่มีเงินคืนจึงหลบหนี มันไม่เพียงแต่เป็นการฉ้อโกงเท่านั้น แต่การที่เหล่าแฟนคลับศิลปินต่างประเทศจะได้พบตัวเป็นๆ ของเหล่าดาราที่ตนเองชื่นชอบนั้นมีโอกาสเพียงน้อยครั้ง และยังมาถูกตัดโอกาสเช่นนี้ มันไม่เพียงแค่เรื่องเงิน แต่มันเป็นเรื่องทางจิตใจด้วย หากมีผู้เสียหายคนใดยังไม่เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เกิดเหตุเพื่อเอาผิดกับคนร้ายเพิ่มเติมได้ และหากมีคดีที่ก่อให้เกิดความเดือนร้อนของประชาชนสามารถแจ้งมาทางช่องทางเฟซบุ๊กเพจ สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที.