"ว่าที่ พ.ต.ต.ปภิณวิช" ลูกชายนายตำรวจดัง เข้าให้ปากคำ DSI หลังเจ้าหน้าที่พบเส้นทางการเงินพัวพันเว็บพนัน ด้าน "ผอ.เค" ระบุ เจ้าตัวยอมรับโอนเงินซื้อขายพระเครื่อง-รถ กับ "ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช" หลักสิบกว่าล้าน พร้อมปฏิเสธพัวพันเว็บพนัน ขณะที่ ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช เลื่อนให้การบ่ายโมงวันนี้
กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดียาเสพติด ออกหมายเรียกบุคคลกว่า 9 ราย เข้าให้การในฐานะพยานในคดีพิเศษที่ 8/2566 ซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับเว็บพนันและการฟอกเงิน และเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา สองพี่น้องประธานสโมสรฟุตบอลดัง นายพงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก หรือ บอสตาล ประธานสโมสรฟุตบอลลำพูนเวอริเออร์ และนายศิริพงษ์ ฐาราชวงศ์ศึก หรือ บอสต้น ประธานสโมสรพิษณุโลกเอฟซี ได้เข้าให้ปากคำในฐานะพยานกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ หลังเจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน พบว่าทั้งคู่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงทางเส้นทางการเงินกับ น.ส.ชบา ปะตะทะกัง บุคคลผู้เป็นบัญชีม้าหลักให้กับเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์และยาเสพติด รวมไปถึงยังพบว่ามีสองนายตำรวจ ประกอบด้วย ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช พงค์ภิภัทราภาคิน และ ว่าที่ พ.ต.ต.ปภิณวิช รอดบางยาง มีความเกี่ยวข้องทางการเงินกับ น.ส.ชบา ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 ที่ กองคดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชั้น 7 ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ว่าที่ พ.ต.ต.ปภิณวิช รอดบางยาง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสีดำ เดินทางเข้าให้ปากคำในฐานะพยานกับ นายพงษธร อินอำนวย ผอ.กองคดียาเสพติด และพนักงานสอบสวนดีเอสไอ
นายพงษธร อินอำนวย ผอ.กองคดียาเสพติด เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังเริ่มสอบปากคำ ว่าที่ พ.ต.ต.ปภิณวิช เบื้องต้นตนได้อธิบายเหตุของการเชิญให้การในวันนี้ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับรายละเอียดคดีที่แล้ว (คดีพิเศษที่ 60/2563) เนื่องจากเจ้าตัวยังไม่ได้ถูกสอบปากคำ ไม่เคยถูกเรียกสอบ และไม่ปรากฏชื่อในสำนวนคดีเก่า อีกทั้งตนยังได้สอบถามเกี่ยวกับกระแสข่าวการเรียกรับเงินของคณะทำงานชุดเก่า จำนวนกว่า 10 ล้านบาทที่มียูทูบเบอร์รายหนึ่งออกมาให้ข่าว เจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีการเรียกรับเงินแต่อย่างใด และแม้จะยืนยันว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน แต่ยอมรับว่าธุรกรรมทางการเงินหลักหลายสิบล้านบาทโอนไปยัง ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช จริง เจ้าตัวพยายามชี้แจงว่าโอนไปด้วยสาเหตุการซื้อขายรถยนต์-พระเครื่อง และไม่ทราบว่า ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช พัวพันกับเว็บพนัน อีกทั้งระหว่างที่เจ้าตัวกำลังให้ปากคำอยู่นั้น ไม่พบว่ามีความเครียด และให้ความร่วมมือกับพนักงานสอบสวนเป็นอย่างดี
...
"พนักงานสอบสวนก็เน้นย้ำว่าหากในการรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้วพบว่ามีความผิด ถ้าผิดคือผิด ไม่ต้องวิ่งเต้นคดีขอเคลียร์ แต่ถ้าหากไม่ผิดเราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา และเราจะส่งข้อมูลให้สรรพากรร่วมตรวจสอบด้วย เนื่องจาก ว่าที่ พ.ต.ต.ปภิณวิช มีกิจการเกี่ยวกับเรือยอชต์ ซุปเปอร์คาร์ และธุรกิจอื่นๆ" นายพงษธร ระบุ
นายพงษธร ระบุต่อว่า ส่วนกรณีของ ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช พงค์ภิภัทราภาคิน รับแจ้งว่าจะเข้ามาให้การในรอบบ่ายวันนี้ พนักงานสอบสวนจะอ่านคำให้การเก่า เนื่องจากเจ้าตัวเคยยอมรับว่าเป็นเอเย่นต์เว็บพนัน เพื่อสอบถามเจ้าตัวว่าจะยังยืนยันในคำให้การเดิมหรือไม่ หากยืนยันตามคำให้การเดิม พนักงานสอบสวนจะนำไปสืบสวน ขยายผลในส่วนของชื่อเว็บพนัน เส้นทางการเงินต่อไป หากพบรายชื่อพยานบุคคลใดเพิ่มเติม จะเรียกมาให้การในฐานะพยานเพื่อยืนยันว่ามีการเล่นเว็บพนันกับนายตำรวจรายนี้และเล่นเว็บอะไร และในวันนี้พนักงานสอบสวนจะยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ เพราะต้องไปตรวจสอบก่อน และถ้าพบตามข้อเท็จจริงนั้นจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นที่จะใช้สอบถาม ร.ต.อ.ณัฐศักดิธัช อาทิ จะให้ชี้แจงรายชื่อเว็บพนันว่ารู้จักหรือไม่อย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ายังมีนายตำรวจอื่นๆ เกี่ยวข้องอีกหรือไม่ นายพงษธร ระบุว่า เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจรายอื่นๆ มาเชื่อมโยงกับสองคนนี้ ขณะนี้ยังมีแค่เพียงสองราย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับตำรวจทั้ง 2 นาย ยังเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายตำรวจที่เชื่อมโยงกับเว็บไซต์พนันออนไลน์รายใหญ่ อย่างเครือข่ายสารวัตรซัว โดย นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมเคยออกมาแฉ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จนกระทั่งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จเรตำรวจแห่งชาติสรุปว่าข้อกล่าวหามีมูลความผิดทางวินัย เห็นควรเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตำรวจดังกล่าว เพื่อให้เป็นตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ. 2556