"ทนายกฤษณะ" ยืนยันเป็นทนายให้ "แอม ไซยาไนด์" แต่มีข้อแม้ต้องรับสารภาพ เผยน้ำหนักลดลงเกือบ 10 กิโล ความดันขึ้นสูง คิดฆ่าตัวตายตลอดเวลา ส่วนลูกในท้องมีอาการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ทนายความ เปิดเผยว่า เมื่อวานตนเข้าไปเยี่ยม แอม ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ซึ่งแอมยังยืนยันให้ตนเป็นทนายเช่นเดิม แต่ตนได้ยืนยันกับแอมว่า จะต้องรับสารภาพคดี น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือน้องก้อย พร้อมกับโชว์เอกสารใบแต่งตั้งทนายความจาก น.ส.สรารัตน์ หรือ แอม รังสิวุฒาภรณ์ ผู้ต้องหาคดีวางยาฆ่าชิงทรัพย์ ลงวันที่ 16 พ.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันเดียวกันที่ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ “ทนายพัช” ระบุว่ายังเป็นทนายอยู่เหมือนกัน
ทนายกฤษณะ เปิดเผยว่า ล่าสุดแอมเบี่ยงเบนประเด็นคงลืมคำพูดเดิม และบอกเรื่องลูกกับผมว่า คือลูกของใคร และบอกผมว่าใครคือคนแนะนำให้ส่งพัสดุ อีกทั้งยังบอกว่าผู้ที่รับพัสดุรู้เรื่องที่ส่งพัสดุ ถ้าไม่รู้จะทราบที่อยู่ได้อย่างไร แอมเริ่มซัดไปที่พยานที่รับพัสดุ สรุปเมื่อวานเข้าไปแอมบอกไม่เคยคิดจะถอนผมเลย ยังให้ช่วยต่อไปทุกคดี แต่ผมมีข้อแม้ว่าคดีก้อยต้องรับสารภาพเท่านั้นพี่ถึงจะช่วยคดีอื่น แต่ขอดูสำนวนก่อน
ส่วนแอมสงสัยว่าทนายคนแรกโดนแจ้งข้อกล่าวหาจะเป็นทนายให้แอมได้หรือไม่ ผมตอบได้แค่ว่า แล้วศาลจะเชื่อไหม ละคิดเอาเองว่าจะรับหรือจะสู้ แต่ถ้าทนายคนแรกสู้ พี่จะนั่งดูเฉยๆ แล้วจะถอนตัว
ทนายกฤษณะ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นแอมยังไม่ยอมรับสารภาพ ซึ่งขณะคุยกับตน แอมร้องไห้ตลอด และห่วงคนข้างนอกมากแต่สภาพร่างกายเมื่อวานซูบผอมอย่างเห็นได้ชัด น้ำหนักลดลงเกือบ 10 กิโล ความดันขึ้นสูง แต่หมอได้ให้ยาลดความดันแล้ว และคิดฆ่าตัวตายตลอดเวลา ส่วนลูกในท้องมีอาการเต้นของหัวใจผิดจังหวะ ซึ่งผมยืนยันจะเป็นทนายเช่นเดิมแต่ผมมีเงื่อนไขคือต้องรับสารภาพเท่านั้น แต่เจ้าตัวขอคิดทบทวนอีกครั้งก่อน
...
"ทุกถ้อยคำพูดของแอม ผมจะรับฟังอย่างระมัดระวังเกรงจะเป็นการให้ร้ายผู้อื่น ที่สำคัญเขาห่วงแก้วมากและบอกไม่อยากให้แก้วต้องมาเกี่ยวข้อง" ทนายกฤษณะ กล่าว