ตำรวจไซเบอร์ลุยค้น 3 จุดในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จับกุมผู้ลักลอบขายซิมการ์ดมือถือลงทะเบียนอย่างต่อเนื่อง 3 ราย สารภาพนำมาขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ มียอดขายเยอะ รายได้ดี
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 24 พฤษภาคม 2566 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เผยว่าได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.พงศ์นรินทร์ เหล่าเขตกิจ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 พ.ต.ท.อนุสรณ์ ธีรนุชพงศ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 นำกำลังกวาดล้างจับกุมผู้กระทำผิดตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 โดยเน้นการจับกุมผู้ที่กระทำผิดเกี่ยวกับซิมม้าและบัญชีม้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อปิดกั้นช่องทางการกระทำผิดของคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น
โดยจุดแรกทางเจ้าหน้าที่นำหมายค้นศาลจังหวัดขอนแก่น เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 333 ม.12 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น จับกุม น.ส.ภิญญดา ทองธีรภาพ อายุ 49 ปี พร้อมตรวจยึดซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือค่ายต่างๆ ทั้งหมด 939 ซิม ซึ่งลงทะเบียนโดยบุคคลอื่น น.ส.ภิญญดา ให้การยอมรับว่า ได้เปิดร้านขายซิมการ์ดทางออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์ม "Shopee" มียอดขายเยอะ รายได้ดี
จุดที่สอง นำหมายค้นศาลจังหวัดขอนแก่น เข้าตรวจค้นที่ร้านนครปฐมโมบาย เลขที่ 143/36 ม.19 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เข้าจับกุมตัว นายธนกฤติ หอมจันทร์ อายุ 42 ปี พร้อมของกลาง ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งลงทะเบียนโดยบุคคลอื่น จำนวน 4 ซิม นายธนกฤติ ยอมรับว่า ได้ซื้อซิมการ์ด นำมาขายต่อเพื่อเอากำไร โดยที่ไม่เคยมีการจดรายละเอียดผู้ซื้อซิมการ์ดแม้แต่คนเดียว
...
จุดที่สาม ทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบร้านโทรศัพท์มือถือ "รั้น วีไอพี โมบาย" ภายในห้างโลตัสเอ็กซ์ตรา ขอนแก่น 2 ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น จับกุมตัว น.ส.กัญญาภัค จันทร์ทาศรี อายุ 34 ปี พร้อมของกลาง ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งลงทะเบียนโดยบุคคลอื่น จำนวน 5 ซิม น.ส.กัญญาภัค ให้การยอมรับว่า ได้ซื้อซิมการ์ดมาครั้งละประมาณ 50 ซิมการ์ด แล้วนำมาขายต่อเอากำไร ในราคาซิมละ 200 บาท เนื่องจากเห็นว่ามีกำไรดี โดยที่ไม่เคยมีการจดรายละเอียดผู้ซื้อซิมการ์ดดังกล่าวไปแต่อย่างใด
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาผู้ถูกจับกุมทั้ง 3 คน ในความผิด "เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าว โดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายหมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้" ก่อนควบคุมตัวพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.