ศาลอาญา ยกฟ้อง "หลงจู๊สมชาย" พร้อมพวก 5 คน ฐานฟอกเงินกว่า 200 ล้าน พ.ร.บ.การพนัน ชี้เป็นเพียงพยานบอกเล่า น้ำหนักน้อย ส่วนพวกอีก 2 คน โดนคุก 2 ปี และ 3 ปี 6 เดือน

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 66 ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา คดีร่วมกันฟอกเงิน-พ.ร.บ.การพนัน หมายเลขดำ อ.1429/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสมชาย จุติกิติ์เดชา หรือหลงจู๊สมชาย ผู้กว้างขวางย่านภาคตะวันออก, บริษัท เดอะ แคปปิทอล จำกัด โดย นายสมชาย จุติกิติ์เดชา หรือหลงจู๊, น.ส.จุฑามาศ วงษ์นิยม, น.ส.อุไรวรรณ วงษ์นิยม ที่ 4 นายวราวุธ วรวุฒิปรีชาเวชช์, น.ส.นภัสสร ปรุโปร่ง และ นายธนา จุติกิติ์เดชา บุตรชายนายสมชาย เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน, พ.ร.บ.การพนัน 

อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดพวกจำเลยสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 ก.ค. 62-30 มิ.ย. 63 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-3 กับพวกที่ยังหลบหนี ร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนัน ไฮโล บาคาร่า สลอตแมตชีน ไพ่เสือ-มังกร โดยไม่ได้รับอนุญาต ที่บ่อนการพนัน RJ  มาบตาพุด ซ.ธนาคารธนชาต ถ.สุขุมวิท ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง โดยมีการเปิดบัญชีธนาคาร 3 แห่ง เพื่อรับโอนเงินจากนักพนัน เพื่อนำไปซื้อชิปแทนเงินสด หลายครั้งหลายหน รวม 132,735,053 บาท

นอกจากนี้ พวกจำเลยยังได้ร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงิน โดยโอนเงิน เบิกถอน จ่ายโอนเงินลักษณะสมคบกันเพื่อปกปิดแหล่งที่มา เปลี่ยนสภาพทรัพย์สินเพื่ออำพรางผ่านบุคคลและเครือข่าย ผ่านบัญชีธนาคารต่างกรรมต่างวาระกันจำนวน 8,828 ครั้ง รวมยอดเงิน 232,746,053 บาท 

ขอให้ลงโทษพวกจำเลยฐานร่วมกันฟอกเงินตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2485 ฯลฯ พวกจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว 

...

ศาลพิเคราะห์เเล้วเห็นว่า ในส่วนจำเลยที่ 1 เเละ 7 จากพยานหลักฐานที่เบิกความสับสนุน ต่างไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับจำเลยที่ 1 จึงเชื่อได้ตามพยานโจทก์และพยานจำเลยเบิกความว่าจำเลยที่ 1 ประกอบอาชีพให้กู้ยืมเงินด้วยจริง ส่วนพยานโจทก์ผู้สืบสวนเส้นทางการเงิน ก็ล้วนเเต่เป็นการรวบรวมคำให้การของนักพนัน จากการสืบสวนหาข่าว ซึ่งเป็นพยานบอกเล่าทั้งสิ้น พยานโจทก์ไม่ได้รู้เห็นด้วยตนเอง จึงฟังมีน้ำหนักน้อย ประกอบกับที่ได้วินิจฉัยข้างต้นแล้วว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐาน รับฟังได้ว่าบัญชีธนาคารในบัญชีที่ระบุของ นายน้อย (เจ้าของบัญชีฟอกเงิน และ น.ส.ศิริพร เปิดขึ้นโดยเจตนาสมคบฟอกเงินเป็นการเฉพาะ แต่กลับฟังได้ว่าเป็นการใช้บัญชีธนาคารตามปกติ พฤติการณ์ส่อแสดงว่าเป็นการโอนเงิน เพื่อชำระหนี้คืนตามกฎหมาย พยานหลักฐานโจทก์จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 เเละที่ 7 ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน

ส่วนจำเลยที่ 2 พยานโจทก์ยืนยันไม่ได้ว่า การโอนเงินจำเลยที่ 1 เเละ 7 ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 2 ได้รู้ว่าเงินที่ไหน นายน้อย โอนให้จำเลยที่ 2 ได้มาจากการเล่นพนันหรือเจตนาเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน เพื่อซุกซ่อนปกปิดแหล่งที่มา ตามความผิดฟอกเงิน พยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน 

ส่วนจำเลยที่ 3,4 เมื่อพิเคราะห์ถึงจำนวนเงินที่ นายน้อย โอนบัญชีก็ได้ความว่า อาชีพให้กู้ยืมเงินรับซื้อขายที่ดิน จึงมียอดโอนเข้าบัญชีหลายรายการ เมื่อตรวจดูรายการเดินบัญชี ไม่พบการทำธุรกรรมด้านการเงินที่ผิดปกติ จำนวนเงินได้รับโอนไม่สูงมากไปกว่านี้ การโอนเงินจึงอาจเป็นการชำระหนี้ตามกฎหมาย ก็ได้พยานหลักฐานฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 3,4 ได้รับเงินโดยรู้แล้วว่า นายน้อย ได้มาจากการจัดให้มีการเล่นพนันหรือฟอกเงิน หลักฐานฟังไม่ได้ว่าร่วมกระทำความผิด

ส่วนจำเลยที่ 5 พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้ว่า ได้รับเงินโอนจาก นายน้อย โดยรู้ว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการจัดให้มีการเล่นพนัน แต่พยานโจทก์ยืนยันไม่ได้ว่า ทุกรายการที่กล่าวหาให้รับผิดจากการรับโอนเงินในส่วนของจำเลยที่ 5 เอง เป็นรายการร่วมกันฟอกเงินทั้งหมด และโจทก์ไม่ได้ฟ้องผู้รับโอนเงินหลายคน ย่อมเป็นการยากที่จะรู้ถึงเจตนาของผู้โอน จึงเห็นควรให้จำเลยที่ 5 รับผิดเพียงผลของการรับโอนเงินที่กระทำผิดเท่านั้น ส่วนจำเลยที่ 6 รับสารภาพว่า รับโอนเงินจาก นายน้อย 7 ครั้ง แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 6 รับทราบว่าเป็นเงินจากการเล่นพนัน จึงเป็นการกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินตามฟ้องจริง แต่พยานยืนยันไม่ได้ว่า ทุกรายการที่กล่าวหาเป็นการฟอกเงินทั้งหมด จึงต้องรับผิดเพียงผลการรับโอนเงินที่กระทำความผิดเท่านั้น

พิพากษาว่าจำเลยที่ 5,6 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มาตรา 5 (1) ,(2) ,60 การกระทำจำเลยที่ 5,6 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำเลยที่ 5 กระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน 2 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี

จำเลยที่ 6 กระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน 7 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 7 ปี จำเลยที่ 6 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี 6 เดือน ให้ยกฟ้องจำเลย 1-4 และที่ 7 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยก่อนหน้านี้ศาลอาญาเคยพิพากษายกฟ้อง นายสมชาย กับพวก ฐานร่วมกันฟอกเงินและผิด พ.ร.บ.การพนันมาแล้ว รวมทั้งยกฟ้อง นายสมชาย ฐานจ้างวานฆ่า นายประทุม สอาดนัก อาชีพขี่วิน จยย.รับจ้าง ที่เป็นคนแจ้งเบาะแสเรื่องบ่อนพนันของนายสมชาย แต่พยานหลักฐานไม่เพียงพอ.