คณะพนักงานสอบสวน บช.ภ.7 สอบ เครียดน้องชายและน้องสะใภ้แอมตลอด ทั้งคืน คลี่ปมมีส่วนรู้เห็นพฤติกรรมโหดด้วยหรือไม่ เบื้องต้นให้ความร่วมมือดีให้การว่า แอมสั่งให้เอาพัสดุที่บรรจุหีบห่อมิดชิดแล้วไปส่ง ไม่เห็นว่าข้างในเป็นอะไร ไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์สินของก้อยเหยื่อโหด เพื่อนรุ่นพี่คนรับพัสดุสุดงง ร้อนใจขอตำรวจพาเข้าพบแอมถึงในเรือนจำ อยากถามประเด็น ว่า ส่งทรัพย์สินเหยื่อมาให้ทำไม พร้อมเกลี้ยกล่อมให้สารภาพ ด้านทนายธันย์นิชาเผย แอมเซ็นเอกสารเปลี่ยนทนายความแล้ว ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ส่วนทนายคนใหม่เผย แค่รับให้คำปรึกษาแต่ยังไม่ได้รับแก้ต่างในชั้นศาล ขอเข้าไปพบ แอมในเรือนจำวันที่ 15 พ.ค.ก่อน
กรณีการสืบสวนคลี่คลายคดีนางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ อายุ 36 ปี ก่อเหตุสะเทือนขวัญวางสารพิษไซยาไนด์เหยื่อนับสิบราย เกี่ยวพันการกู้ยืมเงิน รับจำนำรถ จำนำที่ดิน และวงแชร์ เพื่อประสงค์ต่อทรัพย์ ถูกจับดำเนินคดีข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนรวม 15 คดี ล่าสุดตำรวจพบพยานหลักฐานสำคัญเป็นน้องชายและน้องสะใภ้ของนางแอม ส่งทรัพย์สินของ น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ อายุ 33 ปี 1 ในเหยื่อผู้เสียชีวิตไปให้ น.ส.แก้ว (ขอสงวนชื่อนามสกุลจริง) อายุ 60 ปี หลังเคยให้การอ้างว่า นำทรัพย์สินของเหยื่อไปทิ้งถังขยะ เบื้องต้นคณะพนักงานสอบสวนนำตัวน้องชายและน้องสะใภ้ของแอมมาสอบสวบเครียด เมื่อเวลา 21.30 น. คืนวันที่ 11 พ.ค. จนถึงเช้าวันที่ 12 พ.ค. เพื่อให้สิ้นสุดข้อสงสัยว่าเกี่ยวพันกับพฤติกรรมโหดหรือไม่
ความคืบหน้าจากสโมสรตำรวจ เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ระบุว่า วันนี้ช่วงเช้าเวลา 10.00 น. จะพา น.ส.แก้ว อายุ 60 ปี พยานผู้รับพัสดุจากนางแอมเดินทางไปพบนางแอมในเรือนจำเพื่อเกลี้ยกล่อมให้รับสารภาพ ล่าสุดยกเลิกหมายดังกล่าว พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ผบก.สส.ภ.4 กล่าวว่า เบื้องต้นวันที่ 13 พ.ค.เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.พร้อมคณะพนักงานสอบสวนจะพานางแก้วพยานปากสำคัญ ผู้รับกล่องพัสดุภายในบรรจุทรัพย์สินกระเป๋าหรู 1 ใบ กระเป๋าเงิน 3 ใบ โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่องของเหยื่อ น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ เข้าไปพบนางสรารัตน์ หรือแอม รังสิวุฒาภรณ์ ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง เนื่องจาก น.ส.แก้วมีความประสงค์จะเข้าไปพบแอม คาดว่าต้องการพูดคุยให้แอมรับสารภาพและอาจสอบถามเรื่องทรัพย์สินดังกล่าว ส่วนสารไซยาไนด์ที่แอมใช้ก่อเหตุขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเพื่อหาต้นขวดให้เจอ ล่าสุดตัดออกจากจำนวนร้อยกว่าขวดเหลือเพียงหลักสิบแล้ว อยู่ระหว่างเทียบลายนิ้วมือและพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ คาดว่าจะได้ข้อเท็จจริงเร็วๆนี้
...
ส่วน พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศูนย์ฝึกอบรมกอง บช.น. เผยว่า วันที่ 13 พ.ค. เราจะเข้าไปสอบถามนางแอมในเรือนจำ เกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนที่ยังขาดเหลือบางประเด็นในสำนวนคดี รวมถึงสอบถามเรื่องทรัพย์สินของก้อยที่เพิ่งพบล่าสุดด้วย อย่างไรก็ตาม น.ส.แก้ว อายุ 60 ปี พยานปากสำคัญที่เข้ามาพบพนักงานสอบสวนต้องการเข้าไปพูดคุยกับแอม เพราะอาจสงสัยว่า ทำไมกล่องพัสดุจึงส่งไปที่ตัวเอง ส่วนน้องสะใภ้และน้องชายของแอมไม่ต้องเข้าไปในเรือนจำด้วย เนื่องจากพนักงานสอบสวนสอบปากคำทั้งคู่เเล้วที่ บช.ภ.7
บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า วันนี้ที่สโมสรยังไม่มีอะไรคืบหน้าเพราะตัวพยานคนสนิทกับสามี และตัวน้องสะใภ้กับน้องชายของแอมยังอยู่ที่ บช.ภ.7 ไม่นำตัวมายังสโมสรตำรวจแล้ว เพราะเป็นการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พรุ่งนี้จะเดินทางไปเรือนจำเวลา 10.00 น. เพื่อไปสอบถามบางประเด็นที่ยังให้การไม่ตรงกับพยาน ทั้งนี้พยานหลักฐานในคดีแอมทั้งหมด สำนวนการสอบสวนเกือบสมบูรณ์ ทั้งผลการตรวจพิสูจน์สารไซยาไนด์ ผลการตรวจพิสูจน์ไทม์ไลน์หลายอย่างมาประกอบ และความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินของนางแอมกับบุคคลอื่น หากมีพยานหลักฐานถึงใครพร้อมดำเนินคดีเพิ่มเติม
ขณะที่ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ทนายความนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ เผยว่า ขณะนี้ไม่ได้ทำคดีให้กับแอมแล้ว เนื่องจากแอมลงลายมือชื่อในเอกสารแต่งตั้งทนายความคนใหม่คือ นายชินคุปต์ ไทยยะกร แล้ว ทราบว่ามีการเปลี่ยนทนายเมื่อ วันที่ 5 พ.ค. แต่ไม่ทราบสาเหตุ ตนจึงสิ้นสุดสถานะการเป็นทนายความทำคดีให้แอมตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. อย่ามาเรียกตนว่า ทนายแอมอีกต่อไป หลังจากนี้เรื่องคดีขอให้สื่อมวลชนไปติดตามกับทนายคนใหม่ ส่วนตัวไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแอม แค่มาทำหน้าที่ฐานะทนายความในชั้นพนักงานสอบสวนเท่านั้น เมื่อแอมแต่งตั้งทนายคนใหม่เแล้ว ถือว่าหน้าที่ทนายความของตนในคดีแอมเป็นอันสิ้นสุดลง
ด้านนายชินคุปต์ ไทยยะกร ทนายคนใหม่ของนางแอม เผยว่า ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นทนายในคดีนี้เพื่อให้คำปรึกษาด้านคดีและยังไม่ได้เข้าไปพบลูกความในเรือนจำ รวมทั้งยังไม่ได้รับว่าความให้ แค่เป็นการให้คำปรึกษาทางกฎหมายเท่านั้น เพราะหากรับว่าความต้องแต่งตั้งทนายความอีกครั้ง การเซ็นแต่งตั้งให้เป็นทนายเป็นไปตามกฎของเรือนจำว่าต้องเซ็นแต่งตั้งทนายก่อน เพื่อสามารถเข้าพบผู้ต้องขังได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้พบแอมแต่มีกำหนดจะเข้าพบวันที่ 15 พ.ค.
ที่ จ.กาญจนบุรี ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายรพี ชำนาญเรือ พี่ชายคนสนิท น.ส.ศิริพร หรือก้อย ขันวงษ์ ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง นายรพีเผยถึงการพบหลักฐานสำคัญที่นางแอมให้น้องสะใภ้ส่งพัสดุทรัพย์สินของก้อยไปให้เพื่อนว่า วันนี้คงโกหกอะไรไม่ได้แล้ว กล่องพัสดุมีชื่อผู้ส่ง มีเบอร์โทรศัพท์ ตนโทร.ติดต่อไปที่ผู้ส่งทราบว่าเป็นน้องสะใภ้ของแอมที่อยู่บ้านเดียวกับพ่อแม่แอม เลยถามรายละเอียดและบอกว่า ทำยังไงถึงจะให้น้องเขาไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นประโยชน์กับรูปคดี จากการพูดคุยเขาให้ความร่วมมือดี ตนเชื่อว่าเขาอาจไม่รู้หรือไม่ทราบว่าของที่อยู่ข้างในมันคืออะไร เพราะว่าถูกบรรจุหีบห่อมาเรียบร้อยแล้ว
...
“เมื่อวานเพจวินวินได้รับการประสานจากคนรับพัสดุของน้องก้อย เปิดดูเจอกระเป๋าแบรนด์เนมหลุยส์วิตตองและโทรศัพท์ออปโป้ 1 เครื่อง แต่สิ่งที่ยังหาไม่เจอคือ กระเป๋าแมคและโทรศัพท์ไอโฟน เชื่อว่าแอมรู้แน่ว่าอยู่ที่ไหน ผมมีความคิดเห็นด้วยว่า ทนายคนเก่าอาจไม่ได้รับความจริงจากแอม น่าจะมีอะไรที่โกหกทนาย อันนี้เดาเอาเอง แต่ทั้งหมดทั้งมวลต้องลองไปถามทนายคนเก่าดูว่า ทำไมถึงต้องเปลี่ยนทนาย” นายรพีกล่าว