ตำรวจไซเบอร์ปูพรมตรวจค้น 60 จุด ใน 42 จังหวัด กวาดล้างผู้มีอิทธิพลและซุ้มมือปืนรับจ้างก่อนการเลือกตั้ง ล่อซื้อจับกุมพยาบาลสาวโรงพยาบาลรัฐในพื้นที่ กทม. ร่วมกับผัวเป็นวิศวกรโรงงานใน จ.ระยอง ขายปืนและกระสุนทางออนไลน์ ตะลึงปี 62-63 ซื้อปืนสวัสดิการจากฝ่ายปกครองไปถึง 21 กระบอก แถมยังดัดแปลงลำกล้องปืน .22 ให้ใช้ยิงกระสุนปืนสงครามได้ด้วย ขณะเดียวกันยังบุกทลายโรงงานผลิตปืนยาวอัดลมใน จ.เชียงราย รวบหนุ่มเจ้าของบ้านพร้อมของกลางอื้อ สารภาพขายปืนเถื่อนมากว่า 3 ปี มีรายได้เดือนละกว่า 3 แสนบาท

ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญา กรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 พ.ค. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พ.ต.อ.ต่อศักดิ์ ปานกลิ่นพุฒ ผกก.4 สอท.2 พร้อมตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลมือปืนรับจ้างและอาวุธสงครามปูพรมตรวจค้น 60 จุด ใน 42 จังหวัด ในห้วงวันที่ 4-10 พ.ค. ผลการปฏิบัติจับกุมผู้ต้องหา 50 คน ปืน 77 กระบอก ระเบิดปิงปอง 1 ลูก และกระสุนปืนชนิดต่างๆ รวม 2,440 นัด

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า ช่วงต้นเดือน ก.พ. มีคดีที่น่าสนใจ เป็นการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหารายสำคัญ มีพฤติการณ์จำหน่ายปืนและกระสุนปืนในระบบออนไลน์ ลูกค้าจะเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลและซุ้มมือปืน การขยายผลพบรายละเอียดการสั่งซื้อปืนและกระสุนปืนจำนวนมาก ตำรวจได้ล่อซื้อกระสุนปืน 1 กล่อง พบต้นทางส่งมาจากบ้านเลขที่29/59 ซอยรามอินทรา 65 แยก 2-2 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. ได้ขอหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว จับกุม น.ส.พิตตินันท์ ดวงคำจันทร์ อายุ 31 ปี พยาบาลวิชาชีพ รพ.รัฐแห่งหนึ่งย่านรามอินทรา และนายชยุต บุญฤทธิผล อายุ 34 ปี สามี ยึดปืนขนาดต่างๆ 19 กระบอก เป็นปืนมีทะเบียน 17 กระบอก ในจำนวนนี้มีปืนของทหารนำมาจำนำ 1 กระบอก และปืนบีบีกันดัดแปลงอีก 2 กระบอก พร้อมกระสุนกว่า 2 พันนัด

...

จากการสอบสวน น.ส.พิตตินันท์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพปืนทั้งหมดเป็นชื่อของตน อ้างว่านายชยุต สามีที่เป็นวิศวกรเครื่องกลโรงงานอุตสาห กรรมแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง นำชื่อตนไปซื้อ เพราะได้สิทธิสวัสดิการจากฝ่ายปกครอง แต่ไม่ทราบเรื่องการจำหน่าย เพราะสามีแพ็กใส่กล่องและให้ตนนำไปส่งพัสดุไปรษณีย์ ไม่ทราบว่าข้างในเป็นปืน จากการตรวจสอบประวัติทั้งหมดพบว่า ในปี 62-63 น.ส.พิตตินันท์ มีชื่อซื้อปืนสวัสดิการทั้งสิ้น 21 กระบอก และต่อมาปี 65 ซื้อเพิ่มอีก 1 กระบอก มากผิดปกติ ได้ควบคุมตัวพยาบาลสาวและสามีดำเนินคดีในความผิด “ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองไม่ได้รับอนุญาต และจำหน่ายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต”

จากการตรวจสอบปืนบางกระบอกเป็นปืนบีบีกัน แต่เปลี่ยนแปลงลำกล้อง เช่น ดัดแปลงลำกล้อง ปืน .22 ให้ใช้กับกระสุน 5.56 มม. ของปืน M 4 ที่เป็นอาวุธสงคราม ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย เนื่องจากประชาชนไม่สามารถครอบครองปืนที่ใช้กระสุนปืนสงครามได้ นอกจากนี้ยังพบใช้ช่องโหว่ของกฎหมายซื้อปืนสวัสดิการในราคาถูก แต่ปืนอยู่กับบุคคลอื่น และต้องสลักหลังทิ้งไว้ พอผ่านไป 5 ปีถึงโอนได้ บช.สอท.อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลกวาดล้างต่อไป

วันเดียวกัน พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4 พ.ต.อ.ชินพันธ์ พราหมณ์พันธุ์ พ.ต.อ.นรวัตน์ คำภิโล รอง ผบก.สอท.4 นำกำลังเข้าค้นบ้านเลขที่ 5/1 หมู่ 5 ต.บ้านด้าย อ.แม่สาย จ.เชียงราย จับกุมนายกฤษกร สมเส็ง อายุ 43 ปี พร้อมของกลางปืนยาวอัดลมไทยประดิษฐ์ 13 กระบอก ปืนยาวลูกกรด .22 จำนวน 1 กระบอก ปืนยาวลูกซอง เบอร์ 12 อีก 1 กระบอก ปืนพก 9 มม. 1 กระบอก และอุปกรณ์ผลิตปืน อาทิ แท่นกลึง สว่านแท่น และอื่นๆจำนวนมาก

ทั้งนี้ ชุดสืบสวนสืบทราบว่ามีช่องยูทูบใช้ชื่อ “ก็แค่ลม” ได้สาธิตการใช้ปืนยาวอัดลมใช้กระสุนเหล็กและกระสุนตะกั่วหัวจีบมีผู้ติดตาม 1.86 แสนคน และมีผู้เข้ารับชมกว่า 2 ล้านครั้ง ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นของศาลจังหวัดเชียงราย เข้าตรวจสอบ พบนายกฤษกร แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน บริเวณบ้านเปิดเป็นโรงงานผลิตและดัดแปลงอาวุธปืน ยึดของกลางเป็นชิ้นส่วนต่างๆของปืน เช่น ลำกล้อง ชิ้นส่วนควบของปืนและกระสุนปืนจำนวนมาก

สอบสวนนายกฤษกร รับสารภาพว่า ลักลอบผลิตปืนยาวอัดลมขายจริง ตั้งราคาขายกระบอกละ 5,500-8,000 บาท ไม่รวมอุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ และได้ผลิตปืนขายเป็นอาชีพมากว่า 3 ปี มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 3 แสนบาท เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ทำ ประกอบซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะสั่ง นำเข้า มี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องอาวุธปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”